Page 20 -
P. 20
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
14
การป้องกันและกําจัด :
เลือกพันธุ์ปลูกจากต้นที่ไม่แสดงอาการเป็นโรค และถ้าต้นใดเป็นโรคก็ต้องขุดออกเผา
ไฟทําลายเสีย ในสวนที่มีโรคนี้ระบาด หากพบว่ามีเพลี้ยจักจั่นก็ต้องพ่นด้วยสารเคมี เช่น คาร์โบซัลแฟน 50
ซีซี ต่อนํ้า 20 ลิตร
7. โรคราสีชมพู
ลักษณะอาการ :
อาการจะสังเกตเห็นได้ต่อเมื่อใบเหลืองหรือว่าร่วงแล้ว แต่ถ้าตรวจดูตามกิ่งที่ถูกทําลาย
จะเห็นเชื้อราสีขาวอมชมพูอ่อนขึ้นปกคลุมตามกิ่งเหมือนทาด้วยสี และถ้าเฉือนเปลือกบริเวณถูกทําลายจะ
พบว่าเป็นสีนํ้าตาล ถ้าเชื้อราเจริญรอบกิ่ง กิ่งนั้นก็จะแห้งตาย เชื้อราบริเวณนั้นจะค่อย ๆ มีสีชมพูหรือสีปูน
แห้ง ส่วนที่ถูกทําลายนั้นเกิดจากผิวด้านใต้ของเชื้อรา ที่ฉาบแนบติดอยู่กับผิวเปลือกของกิ่งนั้นเกิดมีลักษณะ
คล้ายรากเทียมเจริญเข้าไชชอนไปในเนื้อเยื่อ ทําให้เซลล์เนื้อเยื่อเหล่านั้นเน่าผุไปทั่ว เปลือกจะยุ่ย เนื้อไม้ผุ
หักง่าย ซึ่งค่อย ๆ ลุกลาม กิ่งแห้งตายลงมา โดยจะเกิดตามง่ามกิ่งมากกว่าส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะพุ่มหนาทึบ มี
ความชื้นสูง จะมีโรคนี้เกิดแพร่ระบาดเป็นมากยิ่งขึ้น
สาเหตุของโรคและการแพร่ระบาด :
สาเหตุเกิดจากเชื้อรา Corticium salmonicolor ทําลายพืชได้หลายชนิด ซึ่งการแพร่ระบาด
ของโรคโดยอาศัยสปอร์ระบาดไปในที่ ๆ มีการระบายอากาศไม่ดีจะเกิดโรคมาก เช่น ต้นมะม่วงที่มีทรงพุ่ม
หนาทึบและอับชื้น อย่างไรก็ตามนํ้าก็เป็นพาหะที่สําคัญมากในการนําสปอร์ของเชื้อรา ไหลไปสู่ส่วนอื่น ๆ
ทําให้เกิดโรคได้อีก เช่นเดียวกับกระแสลมที่ช่วยในการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี
การป้องกันและกําจัด :
ตัดแต่งกิ่งย่อยภายในทรงพุ่มออกให้โปร่ง เพื่อสะดวกต่อการพ่นสารเคมีและป้องกันการ
อับชื้นสารเคมีที่ใช้นั้น เช่น คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ 50 กรัมต่อนํ้า 20 ลิตร หรือ เบโนมีล 15 กรัมต่อนํ้า 20
ลิตร
8. โรคจุดสาหร่ายสนิม
ลักษณะอาการ :
อาการปรากฏที่ใบเป็นส่วนมากเกิดเป็นจุดกํามะหยี่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.3-0.5 ซม.
แรก ๆ สีค่อนข้างเขียว ในระยะต่อมาจุดนี้จะเปลี่ยนเป็นกํามะหยี่สีสนิมเหล็ก ซึ่งเป็นในระยะเกิดสปอร์
ความเสียหายไม่ปรากฏให้เห็นชัด แต่เมื่อเกิดเป็นกับกิ่งจะทําให้ผิวแตก หากเป็นมากกิ่งจะแห้งและตายได้
ทั้งนี้เป็นเพราะรากเทียมของสาหร่ายเข้าทําลายเนื้อเยื่อภายในของกิ่งนั้นจึงเกิดลักษณะอาการดังกล่าว