Page 59 -
P. 59

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว






                   •  ความต้องการของประเทศคู่ค้า  เดิมประเทศไทยส่งออกประเทศในกลุ่ม EU เพื อนําไปเลี ยงวัวนม

                       แต่เมื อไม่นานมานี  ประเทศจีนได้ซื อมันสําปะหลังจากประเทศไทยมากที สุด และประเทศไทยเองก็
                       ส่งออกไปยังจีนมากที สุดด้วย  โดยจีนนํามันสําปะหลังไปแปรรูปเป็น Ethanol กับอาหารสัตว์

                       ตลาดหลักในระยะหลังของไทย คือ ประเทศจีน แต่ก็ต้องแข่งขันกับข้าวโพดที จีนผลิตได้ เนื องจาก

                       อาหารสัตว์ จากมันสําปะหลังมีอัตราการทดแทนกับข้าวโพด

                   •  คู่แข่งทางการค้า  คู่แข่งในการค้ามันสําปะหลังของไทย ได้แก่  เวียดนาม และกัมพูชา ซึ งมีต้นทุนที

                       ตํ ากว่า  แม้คุณภาพมันสําปะหลังของกัมพูชาไม่ได้ดีกว่าของไทย  แต่กัมพูชาสับมันชิ นใหญ่กว่า
                       ในขณะที ไทยสับเล็ก เนื องจากตากง่าย แห้งเร็ว และเพื อความสะดวกในการขนส่ง  อย่างไรก็ตาม

                       มันสับเล็กทําให้แตกหักง่ายกว่ามันสับใหญ่ และก่อให้เกิดฝุ่นมากกว่า  จีนตําหนิไทยมากในเรื อง

                       มันสับเล็กเนื องจากทําให้เกิดฝุ่นคลุ้งตอนขนส่งไปถึง และสร้างมลพิษ
                   •  คุณภาพของหัวมัน  ซึ งขึ นอยู่กับเชื อแป้งหรือ % แป้งในหัวมัน และความสะอาด แปรผันตรงกับ

                       ราคา  ซึ งคุณภาพก็ขึ นอยู่กับปริมาณนํ าฝน  ปริมาณนํ าฝนที มากจะทําให้ % แป้งลด  ในฤดูแล้ง  %

                       แป้งในมันสําปะหลังจะเพิ มขึ น

                   •  สภาพภูมิอากาศ ส่งผลต่อคุณภาพของมัน (ปริมาณเชื อแป้ง)
                       สําหรับราคาที เกษตรกรได้รับ ก็คล้ายกับพืชเศรษฐกิจชนิดอื น ๆ กล่าว คือ เกษตรกรได้รับราคาจาก

               การที พ่อค้าหรือโรงงานแปรรูป deal ราคามันแปรรูปมาก่อน แล้วจึงทอนราคาดังกล่าวลงมาเป็นราคาหัวมัน

               สําปะหลัง

                       ในส่วนของภัยธรรมชาตินั น  ภัยนํ าท่วมอาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมันสําปะหลังมากนัก เนื องจาก
               การเพาะปลูกมันไม่นิยมทําในที ลุ่ม  แต่ปริมาณนํ าที มากเกินไปจะส่งผลต่อคุณภาพของมันตํ า หรืออาจทําให้

               ราก/ หัวมันเน่าได้   มันสําปะหลังถือเป็นพืชทนแล้ง แต่การทนแล้ง หมายถึง การใช้นํ าปริมาณน้อยในการ

               เพาะปลูก  หากขาดนํ าต่อเนื องหัวมันสําปะหลังก็ตายได้  นอกจากนี  ภัยแล้ง อาจนําไปสู่การเกิดโรคระบาด
               เช่น เพลี ยแป้ง



               ผลปาล์มนํ ามัน
                       ปาล์มนํ ามันมีการปลูกมากในภาคใต้  นิยมปลูกในที ลุ่ม โดยใช้เวลา 24 เดือนในการพัฒนาจากตา

               ดอกไปเป็นผลทะลายปาล์มที พร้อมเก็บเกี ยวออกสู่ตลาด  ช่วงเวลาที ผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดมาก (ช่วง

               peak) มี 2 ช่วง โดย peak เล็ก คือช่วงเดือนมีนาคม และ peak ใหญ่ คือช่วงเดือนสิงหาคม  โดยปกติ ทะลาย
               ปาล์มที ถูกตัดแล้ว จะต้องนําส่งโรงงานภายใน 1 วัน หากทิ งไว้นาน กรดในผลปาล์มจะเพิ มขึ น  การสกัด

               นํ ามันจากผลปาล์มมีสองวิธีหลัก คือ การสกัดแยก และการสกัดรวม หากสกัดรวมทั งหมดจะได้นํ ามันปาล์ม

               (Crude Palm Oil: CPO) grade B ถ้าสกัดแยกจากเปลือกจะได้ grade A ซึ งใช้มากโดยโรงงานขนาดใหญ่

                       เนื องจากผลปาล์มนํ ามันเป็นวัตถุดิบหลักของนํ ามันปาล์ม  ราคาของผลปาล์มนํ ามันจึงขึ นอยู่กับ
               ราคาของนํ ามันปาล์ม  โดยปัจจัยที มีผลต่อราคานํ ามันปาล์ม  ประกอบด้วย




                                                           4-7
   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64