Page 41 -
P. 41

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



                                                                                                        41





                    เปลี่ยน  มูลค่าของทรัพยากรซึ่งไม่ได้เป็นเงินตามราคาตลาด(non-market value)เยี่ยงสินค้าอื่นมาเป็น


                    แรงจูงใจในรูปตัวเงินให้กับผู้ที่จัดการที่ดินเพื่อให้เกิดดูแลอนุรักษ์ให้การบริการของระบบนิเวศนั้นๆคง

                    อยู่  (Engel  et  al.,  2008)  ในระยะยาวเป็นการอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

                    แนวคิดการชดเชยเพื่อรักษาระบบนิเวศนี้ได้ดําเนินการแล้วทั่วโลกกว่า 300 โครงการ (Maynard et al.,

                    2004)  ส่วนมากใช้ในการจัดการเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ  การบริการของลุ่มนํ้า  การเก็บกัก

                    คาร์บอนไดออกไซด์ และการจัดการที่ดิน (Wunder, 2005)


                          PES  มีบทบาทสําคัญในการสร้างแรงจูงใจ(ภายนอก)ของเกษตรกรเพื่อการริเริ่มปรับเปลี่ยนวิถี


                    กิจกรรมทางการเกษตรจากเดิมมาเป็นรูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศมากขึ้นซึ่งโดย

                    ปกติแล้วเกษตรอาจจะไม่เลือกกิจกรรมทางการเกษตรเหล่านั้นมาใช้  (Swinton  et  al.  2007)  หากไม่มี

                    แรงจูงใจทางด้านการเงิน  ดังนั้นนโยบายทางเกษตรในหลายๆแห่งในต่างประเทศ  อาทิ  ยุโรปและ

                    อังกฤษ  (Defra,  2010)  จึงได้ให้ความสําคัญกับนโยบายการชดเชยหรือการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรเพื่อ

                    การอนุรักษ์หรือแม้กระทั้งเวียดนามเองก็ประสบความสําเร็จในโครงการดูแลรักษาประโยชน์ระบบ

                    นิเวศป่าไม้ด้วยกลไก  PES  (Pham  et  al.,  2013)  สําหรับการจ่ายเงินชดเชยนั้นบางกรณีอาจจ่ายโดยผู้ที่

                    ได้รับประโยชน์จากบริการของระบบนิเวศนั้นๆ  เช่น  ผู้ใช้นํ้าและบริษัทผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงาน

                    นํ้า  และในบางกรณีรัฐบาลหรือหน่วยงานการปกครองส่วนท้องถิ่นอาจจะเป็นผู้บริหารจัดการการเงินที่

                    ได้มาจากประชาชนซึ่งได้รับผลประโยชน์ทางอ้อมกับการบริการของระบบนิเวศนั้นๆ  และผู้จ่ายเงินให้


                    การอนุรักษ์พื้นที่นั้นๆ


                         นอกจากที่กล่าวมาแล้วเพื่อให้การดําเนินนโยบายทางการเกษตรสัมฤทธิ์ผลมากขึ้นควรจะต้อง

                    คํานึงถึงอัตราการมีส่วนร่วมในโครงการและลักษณะของการมีส่วนร่วมของเกษตรกร(Crabtree et al.,

                    1998) รวมถึงลักษณะของพื้นที่ (spatial characteristic) นอกจากนั้นความนิยม หรือความพึงพอใจของ


                    เกษตรกร (preferences of farmers) ต่อนโยบายในระดับต่างๆก็มีความสําคัญไม่น้อยไปกว่ากันในการ

                    กําหนดนโยบายที่มีประสิทธิภาพและมีแนวโน้มในการประสบความสําเร็จสูง มีงานวิจัยจํานวนมากที่

                    เห็นว่าในการประเมินประสิทธิผลของนโยบายควรที่จะทราบลักษณะกิจกรรมการเกษตร ลักษณะของ

                    เกษตรกร  (Brotherton, 1989, Thacher et al., 1996, Ayuk, 1997, Dupraz et al., 2003, Pagiola et al.,

                    2005, Ruto et al., 2009, Espinosa-Goded et al., 2010) รวมทั้งลักษณะของพื้นที่ (spatial characteristics)
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46