Page 45 -
P. 45
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทะเบียนและจดชื่อการค้าสารเคมีก าจัดศัตรูพืชมากกว่า 27,000 รายการ ซึ่งเป็นอันดับ 1 ของโลก (เครือข่าย
เตือนภัยสารเคมีก าจัดศัตรูพืช, 2555) ขณะที่การปรับปรุงพ.ร.บ. จะต้องมีการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทุกๆ
6 ปี หลังการขึ้นทะเบียนสามารถน าเข้าสารเคมีชนิดนั้นได้ทันที แต่ต้องแจ้งการน าเข้าแต่ละครั้งให้หน่วยงานที่
รับผิดชอบทราบ
4.2.2 ยุทธศาสตร์เพื่อการจัดการสารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2555-2564
ประเทศไทยเริ่มมีการจัดการสารเคมีอย่างเป็นระบบตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540 โดยการด าเนินการตามแผน
แม่บทพัฒนาความปลอดภัยด้านสารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2540-2554) ที่ใช้การพัฒนาความปลอดภัย
ด้านสารเคมีแห่งชาติเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนร่วมกัน ซึ่งเป็นผลให้เกิดการท างานระหว่างหน่วยงานเพิ่มขึ้น และ
เกิดโครงสร้างกลไกของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยความปลอดภัยด้านสารเคมีขึ้น และแผนแม่บทพัฒนา
ความปลอดภัยด้านสารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545-2549) มีการทบทวนปรับปรุงและจัดโครงสร้างให้
เป็นยุทธศาสตร์ที่มีทิศทางยิ่งขึ้น ซึ่งผลการด าเนินงานของแผนฯ นี้ท าให้มีศูนย์ข้อมูลสารเคมีแห่งชาติ แต่ยัง
ขาดการสนับสนุนกลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จากหน่วยงานภาคีและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ต่อมาแผน
ยุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2550-2554) เป็นแผนฯ ที่ให้ความส าคัญกับการ
ขับเคลื่อนการจัดการสารเคมีรายสาขา การจัดการสารเคมีครบวงจร และเชื่อมโยงการพัฒนากลไก
ภายในประเทศรองรับการด าเนินการตามพันธกรณี ข้อตกลง กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งท าให้เกิด
กลไกการก ากับเชิงนโยบายระดับชาติ คือ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการ
สารเคมี และมีการพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงแผนยุทธศาสตร์เพื่อการจัดการสารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ 4
(พ.ศ. 2555-2564) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การจัดการสารเคมีของประเทศเป็นระบบ เหมาะกับการพัฒนา
ระดับประเทศและระดับสากล สามารถเสริมสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ
และสิ่งแวดล้อม (คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี, 2554)
แผนยุทธศาสตร์เพื่อการจัดการสารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2555-2564) มีหลักการและแนวคิด
ที่ส าคัญโดยการก าหนดกรอบเวลาให้เป็นแผนระยะยาว 10 ปี ที่สามารถทบทวนผลการด าเนินงานทุก 2 ปี
และส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยมี
เปูาประสงค์ว่า “ภายในปีพ.ศ. 2564 สังคมและสิ่งแวดล้อมปลอดภัยบนพื้นฐานของการจัดการสารเคมีที่มี
ประสิทธิภาพ มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนและสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ” เพื่อให้สอดคล้องกับเปูาหมาย
ยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดการสารเคมี (Strategic Approach to International Chemicals
Management: SAICM) โดยการวางแผนยุทธศาสตร์มีการขับเคลื่อนการจัดการสารเคมีเป็น 3 ยุทธศาสตร์
(คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี, 2554) คือ
ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาฐานข้อมูล กลไกและเครื่องมือในการจัดการสารเคมีอย่างเป็นระบบครบวงจร
โดยการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารเคมีให้เป็นระบบฐานข้อมูลกลาง การจัดการสารเคมีที่ครบวงจรโดยการใช้
เครื่องมือทางกฎหมาย เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ เครื่องมือการประเมิน (Assessment) และการติดตาม
ประเมินผลเป็นระยะ
30