Page 88 -
P. 88
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
การปลูกพืชในและนอกโรงเรือนนอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้สารเคมีแล้ว เกษตรกรยังมีรอบการเก็บเกี่ยว
หมุนเวียนกันไปตลอดทั้งปี และในบางช่วงเกษตรกรสามารถมีรายได้ทุกวันจากการขายผลผลิต
ปัจจุบันมีโรงเรือน 14 โรงเรือนขนาด 180 ตร.ม. (และกําลังจะเพิ่มเป็น 20 โรงเรือนในปีถัดไป)
โครงการขยายผลฯ สนับสนุนต้นทุนการสร้างโรงเรือนสําหรับโรงเรือนแรกคิดเป็นประมาณร้อยละ 70 ของ
106
ต้นทุนทั้งหมด และหากเกษตรกรรายเดิมต้องการเพิ่มจํานวนโรงเรือน โครงการขยายผลฯ จะช่วยเหลือต่อ
โดยลดสัดส่วนการอุดหนุน สําหรับพืชนอกโรงเรือนซึ่งโครงการฯ เป็นผู้ประสานแผนการผลิตและการขาย เช่น
ฟักแฟง ฟักทอง โครงการฯ แจกเมล็ดพันธุ์ และอุดหนุนการปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชผ่านระบบสหกรณ์
เกษตรกรสามารถกู้ปัจจัยการผลิตมาก่อนได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ํา อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันเกษตรกรบางส่วนยัง
ประสบปัญหาระบบน้ํากระจายไม่ทั่วถึง ซึ่งอาจเป็นปัญหากับพืชเช่น ฟักแฟง ซึ่งต้องการน้ํา ทําให้เกษตรกรที่
อยู่ในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ําไม่สามารถปลูกเหล่านี้ได้แม้จะต้องการปลูก
เช่นเดียวกับพื้นที่โครงการขยายผลฯ แม่จริมที่เกษตรกรแต่ละรายจะอยู่ในธุรกิจที่หลากหลายขึ้นกับ
ลักษณะของพืชที่ปลูก
1) ขายแบบเกษตรพันธะสัญญา
- ขายฟักแฟง ฟักทอง ให้กับสหกรณ์การเกษตร อ. ท่าวังผา
โครงการขยายผลฯ ทําหน้าที่ประสานงานกับสหกรณ์การเกษตรท่าวังผาในการตกลงซื้อ
ขายผลผลิตฟักแฟง ฟักทอง และสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ โดยตกลงปริมาณรับซื้อและราคาใน
ลักษณะเดียวกันกับกรณีโครงการฯ แม่จริม ปัจจุบันมีเกษตรกรปลูกฟักแฟงทั้งหมด 30 ราย ปลูก
107
2 ครั้งต่อปีสร้างรายได้ประมาณ 27,000 บาทต่อไร่ต่อครั้ง ในขณะเดียวกันเกษตรกรบางราย
จะปลูกฟักทองด้วย แต่จะผลิตได้ปีละครั้งและเก็บผลผลิตรอบเดียว สร้างรายได้ประมาณ 9,000-
10,000 บาทต่อไร่ต่อปี ผลผลิตฟักแฟงและฟักทองที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของสหกรณ์ท่าวังผา
จะถูกส่งไปขายพ่อค้าแหล่งอื่นที่โครงการฯ ประสานไว้ได้ราคาตลาดประมาณ 2 บาทต่อ กก.
2) ขายในรูปแบบดั้งเดิมให้ตลาดทั่วไป
- โครงการขยายผลฯ ช่วยประสานงานกับพ่อค้าในพื้นที่
เช่นเดียวกับในกรณีโครงการขยายผลฯ แม่จริม เกษตรกรขายแตงกวาญี่ปุ่น คะน้า
กวางตุ้ง ให้กับพ่อค้าในตลาดน่าน โดยโครงการจะเป็นคนกลางในการรวบรวมสินค้าและจัดหา
ตลาดเกษตรกรผลิตคะน้า กวางตุ้ง และแตงกวาญี่ปุ่นสลับกันไปชนิดละ 2-3 เดือน ผลิตได้ 3
108
รอบต่อปีในโรงเรือน เกษตรกรจะทราบราคาล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน อย่างไรก็ดี เนื่องจาก
เป็นช่วงเริ่มต้น คุณภาพผลผลิตของผักโรงเรือนยังไม่สูงและสม่ําเสมอพอ การขยายตลาดทําได้
106
โดยสนับสนุนมุ้ง พลาสติก ระบบน้ํา เมล็ดพันธุ์
107
เกษตรกรเริ่มปลูกช่วงมิถุนายนและเริ่มเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่กันยายนไปจนถึงธันวาคม เกษตรกรสามารถเก็บผลผลิตได้วันเว้น
วันตลอดช่วง 4 เดือน และเริ่มปลูกอีกครั้งหลังจากนั้นเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตตลอดช่วงหน้าแล้ง
108
จะพักแปลงช่วงหน้าร้อนเพื่อเลี่ยงปัญหาการขาดน้ํา (มีนาคม-เมษายน)
4-17