Page 133 -
P. 133
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องจากพืชในพื้นที่ศึกษามีลักษณะการดูแลและเก็บเกี่ยวที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของพืชยืน
126
ต้นและพืชหมุนเวียน โดยในส่วนของพืชยืนต้น (มะม่วงและกาแฟ) ผู้วิจัยได้แบ่งต้นทุนทั้งหมดออกเป็น 3
ส่วนได้แก่ 1) ต้นทุนตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวในปีแรก ซึ่งหมายถึงค่าเมล็ดพันธุ์ ยาต่างๆ และต้นทุนแรงงานใน
การดูแลรักษาในช่วงที่ยังไม่มีการเก็บเกี่ยว 2) ต้นทุนการดูแลรวมเก็บเกี่ยวแต่ละปีหลังจากนั้น ซึ่งได้แก่ ต้นทุน
ค่าปุ๋ย ยาต่างๆ รวมต้นทุนแรงงานที่ใช้ในปีที่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ และ 3) ต้นทุนคงที่ เช่น ค่าเครื่องมือ
การเกษตร ในขณะที่ต้นทุนของพืชหมุนเวียนจะแบ่งออกเป็น 1) ต้นทุนในการดําเนินงานในแต่ละรอบการผลิต
ซึ่งรวมทั้งต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ย ยา และแรงงานที่ใช้ในการดูแล และ 2) ต้นทุนคงที่
สําหรับพืชยืนต้น ได้แก่ มะม่วงและกาแฟ ผู้วิจัยแบ่งต้นทุนตามพื้นที่และลักษณะกลุ่มของเกษตรกร
โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่
1) ต้นทุนมะม่วงจากกลุ่มวิสาหกิจ บ้านป่ากลาง
2) ต้นทุนมะม่วงนอกกลุ่มวิสาหกิจ บ้านป่ากลาง
3) ต้นทุนมะม่วงบ้านสบเป็ด
4) ต้นทุนกาแฟบ้านมณีพฤกษ์
5) ต้นทุนกาแฟบ้านสันเจริญ
การเปรียบเทียบต้นทุนในการปลูกมะม่วงของเกษตรกรทั้ง 3 กลุ่มแสดงให้เห็นว่า กลุ่มวิสาหกิจบ้าน
ป่ากลางมีต้นทุนในการปลูกมะม่วงที่สูงที่สุด เนื่องจากเป็นการผลิตที่เน้นคุณภาพ เกษตรกรจะต้องเลือกใช้ปุ๋ย
หรือสารปราบศัตรูพืชตามที่มาตรฐานกําหนด มีการดูแลก่อนการเก็บเกี่ยวที่พิถีพิถัน การใช้ถุงคาร์บอนแทน
หนังสือพิมพ์ในการห่อผลมะม่วง และเน้นการดูแลตกแต่งกิ่ง ทําให้ต้นทุนทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ 1) ต้นทุนรวมตั้งแต่
ปลูกถึงเก็บเกี่ยวครั้งแรก 2) ต้นทุนการดูแลต่อปี และ 3) ต้นทุนคงที่ จะสูงกว่าเกษตรกรที่ปลูกมะม่วงที่ไม่ได้
อยู่ในกลุ่ม และเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงในบ้านสบเป็ด โดยเกษตรกรที่อยู่ในบ้านสบเป็ดมีต้นทุนในการปลูก
มะม่วงต่ําที่สุด เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่พึ่งพาน้ําจากประปาภูเขาและไม่ต้องลงทุนในเครื่องสูบน้ํา และใน
พื้นที่นี้ยังไม่ได้ใช้ถุงคาร์บอนในการห่อมะม่วงด้วย
สําหรับกาแฟพบว่า ต้นทุนดูแลตั้งแต่ปลูกถึงเก็บเกี่ยวครั้งแรกและต้นทุนดูแลต่อปีของการปลูกกาแฟ
ไม่ต่างจากการปลูกมะม่วงมากนัก แต่มีต้นทุนคงที่ที่ต่ํากว่าการปลูกมะม่วงอย่างชัดเจน เนื่องจากการปลูก
กาแฟในลักษณะวนเกษตรทําให้ไม่ต้องมีการลงทุนในเครื่องมือการเกษตรเช่น ระบบน้ํา มากนัก กาแฟจะได้รับ
ความชุ่มชื้นจากป่าและใช้น้ําฝนเป็นหลัก ในขณะที่ต้นทุนการปลูกกาแฟของเกษตรกรในหมู่บ้านสันเจริญจะต่ํา
กว่าหมู่บ้านมณีพฤกษ์ค่อนข้างมาก เนื่องจากเกษตรกรในบ้านสันเจริญใช้การเพาะต้นกล้าจากเมล็ดและมี
ต้นทุนค่าตัดหญ้าที่น้อยกว่ามาก
126 ดูรายละเอียดต้นทุนพืชแต่ละชนิดในภาคผนวก 6
5-20