Page 141 -
P. 141

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                                                                                                 135
                                                                                เมล็ดและต้นกล้า





















                                                                               (ภาพโดย  มาลี  ณ นคร)


                         ภาพที่ 7.6  ผลรวม (multiple fruit ) เจริญมาจากกลุ่มของรังไข่ของช่อดอก

                  สับปะรดเป็นผลรวมที่มีไส้แกนกลางเจริญมาจากแกนกลางของช่อดอกแบบ spike  เนื้อที่บริโภค

            ได้ส่วนนอกของผลเกิดมาจากรังไข่ที่มีบริเวณโคนเชื่อมติดกันแน่น  ส่วนในเป็นเนื้อของแกนช่อดอก  ผลที่
            ยังอ่อนจะมีส่วนประกอบของดอกอยู่บริเวณที่เรียกว่าตา  เมื่อแก่จะหลุดร่วงไปเหลือเพียงริ้วประดับ เป็น

            แผ่นคลุมตาอยู่

                  สาเก ขนุน และยอ  มีหนามซึ่งก็คือ ส่วนของเกสรตัวเมียที่มีลักษณะเป็นแผ่นติดกันเป็นผิวหุ้มผล

            ซังและเนื้อ คือส่วนของ perianth (ทั้ง calyx และ corolla รวมกัน)  ผลของพืชทั้ง 3 ชนิดนี้เรียกว่า ผลรวม
            ชนิด sorosis


                  หม่อน มีช่อดอก 2 ชนิด คือ ช่อดอกที่ประกอบด้วยดอกเพศเมียอย่างเดียวที่จะเจริญเติบโตเป็นผล
            ดอกเพศเมียแต่ละดอกประกอบด้วยกลีบเลี้ยง ล้อมรอบเกสรเพศเมียที่มีอยู่ 1 อัน  ภายในมี 1 ออวุล  เมื่อ

            ช่อดอกเจริญเป็นผล รังไข่แต่ละดอกย่อยจะเป็นผลย่อยที่มีเมล็ด 1 เมล็ดภายใน  และมีกลีบเลี้ยงเจริญ
            เป็นเนื้อนุ่มล้อมรอบ  เมื่อผลหม่อนเจริญเต็มที่จะเชื่อมเบียดกันแน่นเป็นผลรวม

                     มะเดื่อ เป็นผลรวมชนิดพิเศษเรียกว่า syconium  มีเนื้อเกิดจากฐานรองดอกที่โค้งเข้าหากัน

            เป็นรูป กลม  ภายในเป็นโพรงเล็กตรงกลางและมีรูเปิดออกด้านปลายสุดของผล  ผนังด้านในรอบโพรงมี
            ผลย่อยเกิดขึ้นจากดอกย่อยที่แยกเพศฝังตัวอยู่มากมาย  ดอกตัวเมียและดอกตัวผู้อาจอยู่ในช่อดอก

            เดียวกัน หรือแยกช่อดอก  โดยดอกตัวเมียแต่ละดอกมีเพียง 1 รังไข่  ขณะผลอ่อนจะมีโพรงขนาดใหญ่ ท า

            ให้แมลงหวี่เข้าไปวางไข่  ดังนั้นเมื่อผ่าผลมะเดื่อมักพบว่ามีหนอนอยู่ภายใน





                                                                                  รศ. ดร. ลิลลี่  กาวีต๊ะ
   136   137   138   139   140   141   142   143   144   145   146