Page 23 -
P. 23

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี






                       ในกรณีนี้ กําลังของสัญญาณที่รับได สามารถประมาณไดจากสมการ

                                                                h  h   2
                                                   P R  ≈ P T G T G R   T  R  
                                                                R 2  

               ซึ่งกําลังงานที่รับไดจะไมขึ้นกับความถี่ของสัญญาณ  แปรผกผันกับระยะทางยกกําลังสี่ (Inverse  fourth-
               power law) และขึ้นกับความสูงของสายอากาศทางภาครับและภาคสง

                       ในกรณีของการแพรกระจายแบบเลี้ยวเบน (Diffraction) ดังตัวอยางในรูปที่ 2-6 แสดงการเลี้ยวเบน

               แบบ knife-edge  จากการวิเคราะหแบบจําลองของการแพรกระจายในกรณีนี้พบวาการลดทอนกําลังขึ้นกับ
               สัดสวนของเสนทางตรงที่ถูกกีดขวาง และการที่สัญญาณเกิดการเลี้ยวเบนเชนนี้หลาย ๆ ครั้งเมื่อผานระยะ
               ทางไกล ๆ จึงมีแนวโนมที่การสูญเสียกําลังที่เกิดจากการเลี้ยวเบนขึ้นอยูกับระยะทางระหวางตัวสงและตัวรับ





















                                รูปที่ 2-6 ตัวอยางปรากฏการณเลี้ยวเบนแบบ Knife-edge (Shankar, 2002)


                       โดยทั่วไป  สัญญาณที่รับไดจะเปนผลรวมของการแพรกระจายคลื่นในรูปแบบตาง  ๆ  ทั้งทิศทางตรง

               การสะทอน การเลี้ยวเบน และการกระเจิง ดังแสดงตัวอยางในรูปที่ 2-7  รูปที่ 2-8  และรูปที่ 2-9


















                         รูปที่ 2-7 สัญญาณมาถึงเครื่องรับโดยผานการสะทอนกลับและการเลี้ยวเบน (Shankar, 2002)















               หนา 16
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28