Page 60 -
P. 60
ิ
ิ
ื
์
ิ
โครงการหนังสออเล็กทรอนกสด้านการเกษตร เฉลมพระเกียรตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ิ
38
นอกจากนี้ ในอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำของประเทศไทยจะมีโรงงานททำหน้าที่ในการดำเนินกิจกรรม
ี่
แปรรูปสัตว์น้ำเพื่อนำไปใช้ในการบริโภคหรือใช้ในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ประกอบด้วย โรงงานถนอมสัตว์น้ำ 201
แห่ง โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำเบื้องต้น 198 แห่ง โรงงานผลิตและบรรจุภาชนะ 109 แห่ง และโรงงานผลิตอาหาร
สำเร็จรูปจากสัตว์น้ำ 94 แห่ง (กรมโรงงานอุตสาหกรรม, 2564)
2.3.3.1 ห่วงโ ่อุปทานของอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น ำ
ในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำของประเทศไทย มีกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องในแต่ละขั้นตอนและ
อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องจำนวนมาก เมื่อจำแนกตามกระบวนการและขั้นตอน ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรม
แปรรูปสัตว์น้ำจะประกอบด้วย 1. การผลิตวัตถุดิบต้นน้ำ ซึ่งประกอบด้วยเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพประมงเป็น
หลัก 2. อุตสาหกรรมแปรรูปกลางน้ำ ประกอบด้วยโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำเบื้องต้นและโรงงานถนอมสัตว์น้ำ และ
ิ
่
้
3. อุตสาหกรรมแปรรูปปลายน้ำ/ อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ประกอบด้วยโรงงานแปรรูปเพื่อให้ไดเป็นผลตภัณฑ์ เชน
้
ิ
ปลากระป๋อง น้ำปลา ปลาป่น เป็นต้น โดยในแต่ละขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทานจะมีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสนคา
ในระดับที่แตกต่างกัน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
1. การผลิตวัตถุดิบต้นน ำ เป็นกิจกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการจับสัตว์น้ำของเกษตรกรเพื่อให้ได
้
ผลผลิตสัตว์น้ำไปดำเนินการแปรรูปสำหรับการบริโภค ซึ่งผลผลิตสัตว์น้ำของประเทศไทยมีทั้งสตว์น้ำจาก
ั
แหล่งน้ำจดและแหล่งน้ำเค็ม โดยสามารถแบ่งประเภทกิจกรรมของเกษตรกรออกเป็น 2 ส่วนหลัก คอ
ื
ื
การเพาะเลี้ยง และการจับสัตว์น้ำตามธรรมชาต ิ
1.1 เกษตรกรผู้เพาะเลี ยง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในประเทศไทยมีทั้งการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดและ
ี้
การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชาย ั ง โดยเกษตรกรผู้เพาะเลยงสัตว์น้ำจืดส่วนมากจะประกอบอาชีพอยู่ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด ส่วนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชาย ั งจะอยู่บริเวณภาคใต้มากที่สุด
• เกษตรกรผู้เพาะเลี ยงสัตว์น ำจืด การเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ประกอบด้วย การเลี้ยงในบ่อดน
ิ
การเลี้ยงในนา การเลี้ยงในร่องสวน และการเลี้ยงในกระชัง โดยประเทศไทยมีจำนวนฟาร์มเลี้ยง
สัตว์น้ำจืดทั้งหมด 492,897 แห่งทั่วประเทศ เนื้อที่รวม 789,135 ไร่ ซึ่งในปี พ.ศ. 2562 มี
ี้
ผลผลิตสตว์น้ำจดจากการเพาะเลี้ยงทวประเทศ 427,330 ตัน แบ่งเป็นผลผลตจากการเลยงใน
ิ
ื
ั่
ั
บ่อมากที่สุด 386,830 ตัน คิดเป็นร้อยละ 90.52 ของผลผลิตทั้งหมด รองลงมา คือ ผลผลิตจาก
ั
การเลี้ยงในกระชัง 31,978 ตัน (ร้อยละ 7.48) ผลผลิตจากการเลี้ยงในร่องสวน 6,702 ตน
(ร้อยละ 1.57) และผลผลิตจากการเลี้ยงในนา 1,820 ตัน (ร้อยละ 0.43) โดยสัตว์น้ำจืดที่ให้
ผลผลิตมากที่สุด คือ ปลานิลและปลาทับทิม รองลงมา ได้แก่ ปลาดุก กุ้งก้ามกราม และสัตว์น้ำ
อื่น ๆ ตามลำดับ (กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 2563d)