Page 59 -
P. 59

ิ
                                                                              ิ
                                             ์
                               ิ
                                          ิ
                            ื
            โครงการหนังสออเล็กทรอนกสด้านการเกษตร เฉลมพระเกียรตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
                                                             37
                          1            • เกษตรกรนิยมท ายางก้อนถ้วยที่มีการใส่กรด ท าให้ยางสกปรกและได้ผลตอบแทนต่ า รวมถึงนิยมใช้กรดอนินทรีย์แทนกรดอินทรีย์
                            ระบบการผลิต
                            และจัดจ าหน่าย  • เกษตรกรขาดความเชื่อมั่นในค าแนะน าของหน่วยงานราชการ อาทิ เรื่องระบบการกรีด
                            ของเกษตรกร  • มีระบบคนกลางที่ท าให้เกษตรกรไม่สามารถขายผลผลิตให้กับโรงงานได้โดยตรง และมีปัญหาเรื่องการกดราคาของคนกลาง
                                       • อายุการเก บรักษาน  ายางค่อนข้างสั้น เก็บได้เพียง 1 วันเท่านั้น
                          2
                            โรคอุบัติใหม่ของ  • โรคอุบัติใหม่ที่ส่งผลต่อผลผลิตยาง อาทิ โรคใบร่วง (ตระกูลเชื้อรา) ที่ยังไม่มีวิธีการจัดการที่เหมาะสมเท่าที่ควร โดยเฉพาะในบางพื้นที่
                            ยางพาราที่ต้อง  ซึ่งเครื่องฉีดพ่น (Air Blast) ไม่สามารถเข้าถึงได้
                              เฝ าระวัง

                            ขาดการสร้าง  • ขาดการเลือกใช้พันธุ์ยางตามคุณสมบัติที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์แปรรูปแต่ละประเภท
                            มูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ  • ขาดการสร้างมูลค่าเพิ่มจากน  ายางในกระบวนการขั นต้น ปัจจุบันอยู่ในรูปแบบของยางก้อนถ้วยและยางแผ่นดิบเป็นหลัก
                            จากผลผลิตยาง  • การใช้ประโยชน์ยางพาราส่วนใหญ่จะใช้เพื่อผลิตยางล้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ คือ กลุ่มผู้ประกอบการ ไม่ใช่เกษตรกร
                          4
                                                                                     ุ
                             ส าพการ   • ยางพาราไทยขาดคุณ าพ เนื่องจากมีความบริสุทธิ ต่ า ขณะที่ ยางสังเคราะห์มีความบริสทธิ์และความสม่ าเสมอสูงกว่า
                             แข่งขันและ  • อุตสาหกรรมกลางน  าต้องใช้ทรัพยากรจ านวนมาก เพื่อควบคุมคุณภาพยางพาราที่รับซื้อจากเกษตรกร
                              าพลักษณ์  • ขาดการท าตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์ผลิต ัณ ์ยางธรรมชาติ ท าให้ไม่สามารถแข่งขันกับยางสังเคราะห์ได้
                                       • มุมมองของต่างชาติที่มีต่อภาพลักษณ์การปลูกยางพาราของไทยที่มองว่าเป็นการบุกรุกป า
               รูปที่ 2-12 ปัญหาเชิงลึกของของกลุ่มธุรกิจยางพารา

               ที่มา: สรุปจากการสัมภาษณ  ์

                   ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเด็นท 1. ปัญหาด้านระบบการผลิตและจัดจำหน่ายของเกษตรกรผู้ปลูกยาง 2. โรคอุบัติใหม่
                                       ี่
               ของยางพาราที่ต้องเ ้าระวัง และ 3. ขาดการสร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ จากผลผลิตยาง เป็นปัญหาด้านต้นน้ำ
                            ี่
               ส่วนประเด็นท 4. สภาพการแข่งขันและภาพลักษณ์ของการผลิตยาง เป็นปัญหาด้านกลางน้ำ ปลายน้ำ และ
               การตลาด

               2.3.3 อุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น ำ

                   สัตว์น้ำถือเป็นหนึ่งในสัตว์เศรษฐกิจที่ความสำคัญของประเทศ สามารถทำรายได้เข้าประเทศได้ 213,097 ล้าน

               บาท ในปี พ.ศ. 2562 โดยมีสัดส่วนการส่งออกทูน่ากระป๋องสงสุด 67,204 ล้านบาท รองลงมาเป็นกุ้ง 52,197 ล้าน
                                                                 ู
               บาท ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป 10,024 ล้านบาท อาหารสุนัขและแมวกระป๋อง 9,529 ล้านบาท และอื่น ๆ
               (กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ, 2563g) ซึ่งการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสัตว์น้ำของประเทศไทยมีทง
                                                   ์
                                                                                                            ั้
                                                                                                            ่
                               ี้
                                                                                        ิ
                                                                        ั
                                                                                                   ื
                                        ื
                                  ั
               เกษตรกรผู้เพาะเลยงสตว์น้ำจด สัตว์น้ำชาย ั ง และชาวประมงที่จับสตว์น้ำตามธรรมชาตในแหล่งน้ำจดและแหลง
               น้ำเค็ม โดยเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดและจับสัตว์น้ำจืดตามแหล่งน้ำธรรมชาติส่วนมากอยู่ในภาค
               ตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชาย ั งและจับสัตว์น้ำเค็มสวนมากอยู่ในพื้นที่ภาคใต ้
                                                                                       ่
               เนื่องจากความเหมาะสมของพื้นที่ โดยจำนวนเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสัตว์น้ำ ประกอบด้วย
                   1. การเพาะเลี ยงชายฝั่ง (กุ้งทะเล หอยทะเล ปูทะเล) ส่วนมากเป็นผลผลิตกุ้งทะเล โดยภาคใต้มีฟาร์ม
                                                                                                            ั
                      เพาะเลี้ยงชาย ั งรวมทั้งสิ้นจำนวน 10,326 แห่ง เนื้อที่ 120,267 ไร่ และมีปริมาณผลผลิต 200,845 ตน
                      (กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ, 2563c; 2563e; 2563f)
                                                       ์
                   2. การจับสัตว์น ำเค มหรือการจับสัตว์น ำเค มข  นท่าเทียบเรือ ส่วนมากเป็นผลผลิตปลาเศรษฐกิจ โดยภาคใต ้

                                                                                                         ็
                                                ่
                      มีปริมาณผลผลิตสัตว์น้ำเค็มขึ้นทาเทียบเรือ 793,936 ตัน คิดเป็นร้อยละ 63.56 ของผลผลิตสัตว์น้ำเคมขึ้น
                      ท่าเทียบเรือทั้งประเทศ สร้างมูลค่า 31,712.73 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2562 (กรมประมง กระทรวงเกษตร
                      และสหกรณ์, 2563b)
   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64