Page 52 -
P. 52

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
          จารึกชีวิต




                เมื่อกลับมาเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ ๑ พอขึ้นปีที่ ๒ คนที่เก่งกว่าผมก็โดด แต่ก่อนนี่เขา
          ข้ามชั้นได้ เขาไปเรียนปี ๓ ผมอยู่มัธยม ๒ เลยเป็นคนที่เก่งที่สุดในชั้น เพราะคนที่เก่งกว่า

          กระโดดข้ามชั้นหมด ผมก็เลยเป็นที่ ๑ อยู่ชั้นมัธยม ๒ พอจะขึ้นมัธยม ๓ ครูเขาจะสอนตาม
          ลูกศิษย์ไปมัธยม ๑ ๒ ๓ ๔ ไปจนถึงมัธยม ๕ เพื่อว่าจะได้รู้จักลูกศิษย์ดี และรู้จักนิสัยใจคอดี

          เพราะฉะนั้นเขาก็จะสอนต่อไป สำาหรับผมอยู่ชั้นมัธยม ๒ ก็จะเป็นที่ ๑ เพราะว่าคนที่เก่งๆ
          กว่าผม เขากระโดดข้ามชั้นไปหมดแล้ว ผมก็เลยเป็นที่ ๑ อยู่ พอจะขึ้นมัธยม ๓ ครูเขาก็ไม่ยอม
          บอกว่าทำาให้เด็กท้อถอย เพราะว่าผมได้ที่ ๑ ตลอดไม่มีคนจะมาสู้ผมได้ เลยให้ผมโดดไปเรียน

          ชั้นมัธยม ๔ แต่ครูที่อยู่มัธยม ๔ ไม่ยอมรับ บอกว่าไม่ได้ เพราะว่ามัธยม ๓ เป็นประโยคมัธยม
          ชั้นต้น กระทรวงศึกษาไม่ยอมให้กระโดดข้ามชั้น ผมจะต้องเรียนมัธยม ๓ แต่ครูมัธยม ๒

          ไม่ยอม บอกว่าถ้าให้เรียนมัธยม ๓ เด็ก (คนอื่น) จะท้อถอยเพราะว่าสู้ผมไม่ได้ ครูใหญ่เลยมาตัดสิน
          บอกว่าให้ไปลองเรียนดูมัธยม ๔ สัก ๒ - ๓ เดือน ก็เลยมีคนข้ามชั้นเป็นเพื่อนนั่นก็คือ

          คุณบุญศรี ข้ามซ้าย ต่อไปเป็นชื่อวิภาค ได้เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง มาขอข้ามชั้นด้วย
          สอบได้ที่ ๘ ผมได้ ๗๔ เปอร์เซ็นต์ เขาได้ ๖๙ เปอร์เซ็นต์ ก็ไปหาครูบอกว่า เพราะว่าเป็น

          สามเณรก็ไม่ได้เรียนวิชาพลศึกษา ถ้าเรียนพลศึกษาเขาจะได้คะแนนพลศึกษาเต็ม ๓๐ คะแนน
          เป็นวิชาช่วย ถ้าเป็นฆราวาสก็จะได้ ๗๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ นี่เป็นสามเณรเลยไม่สามารถที่จะทำา
          อย่างนั้นได้ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยให้โดดข้ามชั้นไป ปรากฏว่าไปทั้งหมด ๙ คน ไม่มีใครตกเลย

          ครับ ส่วนผมที่เรียนมัธยม ๔ พอจะไปขึ้นมัธยม ๕ ครูที่ไม่ยอมให้ผมโดดมัธยม ก็จะตามไปสอน
          ผมอยู่ ม.๕ ไม่ให้ผมอยู่ ม.๕ บอกว่าถ้าได้เรียน (นักเรียนคนอื่น) ท้อถอยหมดเพราะผมได้ที่ ๑

          เรื่อย ให้ผมโดดไปมัธยม ๖ ก็เลยโดดจาก ๒ ไป ๔  ๔ ไป ๖ แล้วก็ไปเรียนที่ยุพราช ๒ ปี ทีนี้
          การเรียนสมัยนั้น ถ้ามีพี่น้อง ๓ คน อยู่โรงเรียน คนที่ ๓ ก็ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน ไม่รู้ว่าเป็น

          นโยบายส่งเสริมให้คนมีลูกมากหรืออย่างไร ก็เลยให้คนที่สามไม่ต้องเสียค่าเรียน ผมก็เลยอยู่
          ประถม ๑ ๒ ๓ ไม่เสียค่าเล่าเรียน พอเทอมสุดท้ายกรรมการจังหวัดไปดูบอกว่า อ้าวนี่ไม่ใช่

          ท้องเดียวกันนี่ มันเป็นลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นไม่มีสิทธิ์จะได้ทุน ผมเลยต้องเสีย
          ค่าเล่าเรียนไป ๓ บาท เขาก็ไม่เรียกย้อนหลัง เรียกเทอมสุดท้ายของประถม ๓ พอสอบ
          ประถม ๓ ได้ก่อนอายุ ๙ ปีเต็ม เรียนดีก็ไม่เสียค่าเรียนตลอดถึงมัธยม ๘ สมัยนั้นถ้าใคร

          เรียนเก่งต้องเรียนมัธยม ๘ สองปี ถ้าใครไม่เก่งเรียนปีเดียว เพราะว่าถ้าใครสอบมัธยม ๘
          สมัยนั้น มัธยม ๘ ได้ที่หนึ่งของประเทศ โดยสอบเป็นครั้งแรกจะได้ทุนเล่าเรียนหลวง แต่ก่อน

          เป็นทุนของในหลวงไป เพราะฉะนั้นคนที่เก่งก็จะต้องเรียนห้อง ๘ ซำ้าสองปี ใครไม่เก่งรู้ตัวว่า
          สอบไม่ได้ ปีเดียวสอบไปเลย ผมก็เลยไปเรียนยุพราชที่เชียงใหม่ถึงมัธยม ๘ ก็ไปซำ้าชั้นที่
          สวนกุหลาบ เขาบอกทำาไมผมไม่สอบให้ผ่านในปีที่แล้วถือว่าสอบตก เพราะฉะนั้นผมก็เลยต้อง

          เสียค่าเล่าเรียน ๖๐ บาทในตอนที่เรียนมัธยม ๘ ที่สวนกุหลาบ พอสอบเสร็จแล้วก็กลับบ้าน
          ก็คิดว่าไม่มีสตางค์จะไปเรียนชั้นมหาวิทยาลัยได้ ก็จะต้องเรียนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็น

          ตลาดวิชา เสียค่าเล่าเรียนปีละ ๒๐ บาท และจะต้องไปเป็นครูรัฐบาล ครูรัฐบาลเงินเดือน
          50
   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57