Page 53 -
P. 53

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
                                                                ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร




                  ๘ บาทนะในสมัยนั้น ก็จะเก็บเงินไปเรียนทางไปรษณีย์ แต่พอมาถึงบ้านเขาก็บอกว่ามีโทรเลข
                  มาว่าสอบชิงทุนไปเรียนนอกผ่านข้อเขียน ให้ไปสอบสัมภาษณ์ ผมก็เลยไปสอบสัมภาษณ์

                  มีที่หนึ่ง ที่สองได้ไปอังกฤษและอเมริกา ได้ทุน ๓,๕๐๐ บาทในสมัยนั้น สมัยนี้ล้านนึงยังไม่อยู่
                  เลยครับ สมัยนั้น ๓,๕๐๐ บาท แต่เขาเอา ๓,๕๐๐ บาทไปแบ่งเป็น ๓ ทุน เอาไป ๒ ทุนไปแบ่ง

                  เป็น ๖ ทุน ให้ไปเรียนที่ฟิลิปปินส์ ให้คนละ ๑,๒๕๐ บาท ผมก็เลยได้ทุนไปเรียนที่ฟิลิปปินส์

                         ผมเป็นคนชอบคำานวณ จะไปดูหนังก็นั่งคิดเลขสนุกกว่า เพราะฉะนั้นไม่ดูหนัง แล้วก็มี
                  สมาธิดีมาก เพราะเหตุว่าสมัยนั้นเด็กหนุ่มจะต้องเรียนหนังสือของหลวงวิจิตรวาทการ ที่มีเรื่อง

                  มันสมอง วิชา ๘ ประการ มหาบุรุษ ต้องมีสมาธิแล้วก็มีหัดความจำา เข้ามาในห้องดูของบนโต๊ะ
                  มี ๑๖ สิ่ง พอออกไปข้างนอกเขาก็ว่าให้ว่ามีอะไรบ้าง ๑๖ สิ่ง ก็ไปหัดความจำาแล้วก็ให้หัดสมาธิ
                  เวลานอนตี ๓ ให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา พอตี ๓ ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเลยครับ ไม่ต้องมีนาฬิกาปลุก ทีนี้

                  ก็ไปอยู่ที่ใกล้โรงฆ่าหมู พอตี ๔ อะไรเขาก็ฆ่าหมู ร้องอี๊ด เราก็สะดุ้งตื่น แต่ไม่เป็นไรเพราะ
                  สมาธิดี อีก ๕ นาทีเราก็หลับ แต่ว่าพอมันร้องอี๊ดอีก เราก็สะดุ้งตื่นก็เลยคิดว่าประสาทมันไว

                  เกินไปแล้ว ก็เลยไม่ยอมสมาธิอีก แต่ว่าสมาธินี่ให้นึกเป็นรูปไฟเข้าไปทางรูจมูก ผู้หญิงเข้าทาง
                  รูซ้าย ผู้ชายเข้าทางรูขวา แล้วว่านโม ๓ จบ ไปถึงระหว่างคิ้วว่าอีก ๓ จบ แล้วก็ให้ลูกไฟไปอยู่

                  กลางที่คอ ลงไปถึงใต้สะดือ แล้วก็ขึ้นมาอยู่ที่สะดืออะไรอย่างนี้ครับก็เป็นสมาธินั่นนะครับ
                  ผมไปที่วัดปากนำ้า หลวงพ่อสดในขณะนั้นก็ให้พวกนักเรียนทั้งหลายมีประมาณ ๒๘ คน

                  ให้มองเห็นลูกไฟเข้ามาอย่างนี้นะครับ พอเสร็จแล้วท่านก็บอกว่า คนที่สมาธิดีที่สุดในห้องนี้
                  มีอยู่สองคน คือเพื่อนผมกับผมสองคน เป็นผู้ที่หมั่นสมาธิดีที่สุด ผมก็ไม่ทราบว่าที่ท่านพูด
                  เพราะท่านอยากจะให้รู้ว่า ท่านสำาเร็จแล้ว คือถ้าสำาเร็จแล้วจะมองเห็นว่าลูกไฟเข้าไปในจมูก

                  ใครสมาธิดีจะมีไฟสว่างมาก คนไหนที่ไม่มีก็ไม่สว่าง ไม่รู้ว่าท่านต้องการแสดงว่าสำาเร็จ จึงเห็น
                  ว่าสองคนมีสมาธิดีที่สุดหรือว่าท่านเห็นจริงๆ ผมก็ไม่ทราบ  แต่ว่าก็มาเลิกตอนอยู่ใกล้โรงฆ่าหมูนี่

                  เลิกสมาธิ นี่ก็เป็นเรื่องที่ทำาให้อย่างเวลาจะนอน ท่องนโม ๓ จบ เห็นเป็นพระพุทธ พระธรรม
                  พระสงฆ์อยู่ตรงหน้าผาก พอยึดอย่างนั้นก็หาวหวอดเลยครับ ผมเป็นห่วงนะว่ามาฟังเทศน์เนี่ย

                  พอท่องนโมเดี๋ยวจะหาวหวอดเฉยก็ไม่เป็นครับ เวลานอนตามันจะต้องเหลือกขึ้นข้างบนครับ
                  เวลานอนตาเหลือกขึ้นบนแล้วท่องนโมผมก็ง่วงทันทีเลยครับ ทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนั้นนะครับ

                  ทำาให้สมาธิดี ทำาให้เดินทางก็ไม่เหนื่อย อย่างเมื่อ ๓ ปีที่แล้ว ผมไปขึ้นเขากบ ๑๒๐ ขั้น
                  ผมก็ท่อง แต่ก่อนเรียนการเกษตรวิศวกรรม ต้องรังวัด ฝรั่งเขาเดินก้าวละเมตร ละเมตร
                  แต่ผมคนไทยเตี้ย ก็เลยสามก้าว ๒ เมตร ก็ท่องไป ๐๐๒ ๐๐๔ ๐๐๖ เรื่อยไป ๐๑๒ ไปเรื่อย

                  ขึ้นเขากบไป ๑๒๐ ขั้นไม่เหนื่อยเลยครับ อันนี้ผมมาคิดดูมันก็เหมือนกับสมาธิที่ท่องยุบหนอ
                  พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ สมาธิดีก็ทำาให้สามารถที่จะเดินทางก็ไม่เหนื่อย อย่างเมื่อเล็กๆ

                  ต้องไปเดินผ่านต้นโพธิ์ซึ่งมีคนผูกคอตายตอนนั้น ๓ - ๔ คน ตอนนั้นก็ท่องสูตรคูณ ๑๕ กำาลังสอง
                  เท่ากับหนึ่งคูณสองเติมสองห้า เป็นสองสองห้า ยี่สิบห้ากำาลังสองเท่ากับสองคูณสามเป็นหก


                                                                                              51
   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58