Page 174 -
P. 174
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
โคลงกลบท*
ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร
คำาร้อยกรองของไทยมีโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า
ชนิดใดมีมาก่อนชนิดอื่น ทราบแต่ว่าจารึกหลักที่ ๔๕ เรื่องปู่หลานสบถกัน ซึ่งจารึกขึ้น
ในปี พ.ศ. ๑๙๓๕ มีข้อความที่เป็นร่ายอยู่บางตอน เช่น “ทั้งปู่เจ้าพระขพง/เขายรรยงพระศรี/
ผีบางพระศักดิ์/อารักษ์ทุกแห่ง/แต่งตาดู/สองปู่หลานรักกัน/ผิผู้ใดใครบ่ซี่ (ซื่อ)/จุ่งผีฝูงนี่หัก
ก้าวน้าวคอ/อย่าเป็นพระยาเถิงเถ้า/เป็นเจ้าอยู่ยืน/หืนตายดังวัน/ทันดังเครียว/เขียวเห็น
อเพจีนรก/ตกอบายเพทนา/เสวยมหาวิบาก/.....ผิผู้ใดจำานงจงซี่ไส้/ให้ได้ดังสัมฤทธิปรารถนา/
ในชั่วนี้ชั่วหน้า/เท่าฟ้าบรโลก/โมกษนิรพาน/สถานพิสุทธิ”
ส่วนโคลงนั้นเชื่อกันว่า โคลงประกาศแช่งนำ้าคงเกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรม
ไตรโลกนาถเป็นอย่างช้า โคลงลิลิตยวนพ่ายก็อาจแต่งขึ้นในระหว่าง พ.ศ. ๒๐๑๗ - ๒๐๗๒
และโคลงนิราศหริภุญชัยซึ่งแต่งขึ้นใน พ.ศ. ๒๐๖๐ ประกอบกับบทร้อยกรองของเผ่าไทยใน
เมืองจีนที่ไม่มีหนังสือของตนเอง แต่ก็มีคำาสัมผัสที่มีทั้งเสียงสระและเสียงวรรณยุกต์ตรงกัน
อยู่ด้วย (ตามคำาบอกเล่าของหลีฟังก้วย หรือลีฟังเกว ผู้สำารวจภาษาไทยใกล้ภาษาจีน และ
ภาษาจีนใกล้ภาษาไทยในดินแดนจีนไว้ ๓๐ กว่าภาษา) และไทยอาหมก็มีคำาร้อยกรองซึ่ง
คล้ายๆ กับโคลงดังตัวอย่างนี้
“ปินนาง ยีมือ รองก็ใต้/ฟ้าไป่มีดิน
ไป่มีหลืบ/ดินเมืองชื่อใต้
หลายชั้นกุบ/กุบไม้เต็มมึง แท้เย้า
ทังกาขรุงฟ้า/ใผไป่มีนั่ง/เฮดเจ้า”
(โปรดดูเทียบกับโคลงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้างล่างนี้)
ปิ่น–เป็น นาง–ดัง ยี–เริ่มต้น มือ–เมื่อ รองก็–วุ่นวาย มึง–เมือง กุบ–ชั้น
เย้า–แล้ว ทังกา–ทั้งหมด ขรุง–บริเวณ ใผ–ผู้ใด ใคร เฮด–ทำา เจ้า–กษัตริย์
จึงน่าจะยืนยันได้ว่าไทยเคยแต่งโคลงมาตั้งแต่ก่อนที่ไทยน้อย จะแยกมาตั้งกรุงสุโขทัย
เมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๘๐๐
*ประเสริฐ ณ นคร. โคลงกลบท. กรุงเทพฯ: ม.ป.ท. (๒๕.........) ๒๔ หน้า แหล่งข้อมูล มศก.ท.
(Pl4206) ป ๔๖๔.
172