Page 126 -
P. 126

โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


                                                           115

               กะรางสร้อยคอเล็ก (0.09%) นกปรอดหัวสีเขม่า (0.06%) นกจับแมลงสีน้ าตาล (0.03%) และนกเอี้ยงถ้ า (0.03%)
               ตามล าดับ เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความมากมายของนกป่าที่พบระหว่างฤดูฝน (0.99%, s2=2.81) และฤดูแล้ง
               (0.14%, s2=0.05) พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญ (t=2.10, P=0.04)
                     ความมากมายของสัตว์ป่าที่พบทุกชนิดทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 12 ชนิด จากภาพถ่ายที่ได้ 2,793 ภาพ
               สัตว์เลื้อยคลาน 2 ชนิด จากจ านวนภาพถ่ายที่ได้ 15 ภาพ ถ่ายได้เฉพาะช่วงฤดูฝน ขณะที่นกป่าที่สามารถถ่ายภาพ

               จากกล้องดักถ่ายภาพ จ านวน 18 ชนิด รวมจ านวนภาพถ่าย 653 ภาพ เปรียบเทียบระหว่างฤดูกาลโดยรวมข้อมูลทุก
               ชนิด พบว่าช่วงฤดูฝนมีค่าเฉลี่ย 2.78% (n=36, s2=37.28) ขณะที่ช่วงฤดูแล้งมีค่าเฉลี่ย 1.63% (n=36, s2=17.22)
               พบว่าไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญ (t=1.99, P=0.35) เมื่อเลือกใช้การวิเคราะห์แบบความแปรปรวนไม่
               เท่ากัน
                     เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยความมากมายของสัตว์ป่าทุกชนิดที่พบในบริเวณป่าธรรมชาติ (x̄ =
               1.98%, n=36, trap night =2,374) และในบริเวณแปลงปลูกป่าเพื่อการฟื้นฟูภายหลังจากการท าเหมือง (x̄ =7.47%,
               n=36, trap night = 813) ที่ใกล้หรืออยู่ติดกับพื้นที่ป่าธรรมชาติพบว่าไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญ (t=2.10,
               P=0.18) แต่มีพื้นที่บริเวณที่มีการปลูกต้นไม้เพื่อการฟื้นฟูมีสัตว์ป่ามากกว่าพื้นที่ภายในป่าธรรมชาติเนื่องจากมีการ
               สร้างแหล่งน้ าส าหรับสัตว์ป่า

                     ผลการเปรียบเทียบชนิดสัตว์ป่าที่พบระหว่างพื้นที่ป่าธรรมชาติกับพื้นที่ฟื้นฟู ชนิดที่พบในพื้นที่ป่าธรรมชาติ
               มากกว่าในป่าฟื้นฟู ได้แก่ กระจ้อน (t=3.36, P=0.006) กระรอกหลากสี (t=2.96, P=0.013) กระแตเหนือ (t=2.04,
               P=0.065) พังพอนธรรมดา (t=3.07, P=0.01) ลิงกัง (t=2.90, P=0.014) ขณะที่ชนิดที่พบในพื้นที่ฟื้นฟูมากกว่าป่า
               ธรรมชาติ ได้แก่ เลียงผา (t=-1.17, P=0.26) หมาจิ้งจอก (t=-0.675, P=0.513) และหมาบ้าน (t=-4.46, P=0.001)
               ผลการศึกษาการปรากฏร่วมกันของสัตว์ป่าชนิดต่างๆกับสุนัขบ้านที่พบในพื้นที่ พบว่ามีเพียง 3 ชนิดที่มีการปรากฏ
               ร่วมกับหมาบ้านในเชิงบวก ได้แก่กระจ้อน (r=0.69, P=0.012) กระแตเหนือ (r=0.69, P=0.013) และกระรอกหลากสี
               (r=0.74, P=0.006) ส่วนสัตว์ป่าชนิดอื่นมีความสัมพันธ์กับสุนัขบ้านในเชิงลบ แต่ไม่มีนัยส าคัญ
                     ผลการศึกษาจากภาพถ่ายสัตว์ป่าที่ได้จากทุกต าแหน่งตั้งกล้องทั้งหมด 5,078 ภาพ จาก 3,187 กับดักคืน

               พบว่าเป็นภาพมนุษย์ที่เข้าไปมีกิจกรรมในพื้นที่รวม 864 ภาพ เป็นภาพสุนัขบ้าน 736 ภาพ และภาพพรานที่เข้ามา
               ลักลอบล่าสัตว์ป่า 2 ภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นกิจกรรมของมนุษย์ในพื้นที่ค่อนข้างมาก การปรากฏกิจกรรมมนุษย์ส่วนใหญ่
               เป็นกิจกรรมปกติในพื้นที่เหมืองหินปูนที่ได้รับสัมปทาน อย่างไรก็ตามได้สะท้อนให้เห็นว่าแม้ว่าพื้นที่มีการด าเนิน
               กิจกรรมมานานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 แต่พื้นที่ภูเขาหินปูนดังกล่าวก็ยังมีสัตว์ป่าหายากหลายชนิดอาศัยอยู่ จึงควรที่ต้อง
               ให้ความส าคัญรักษาสภาพแวดล้อม สภาพธรรมชาติที่เหลืออยู่ต่อไป เมื่อเปรียบเทียบผลการศึกษานี้กับผลการศึกษา
               ของ Naing at al. (2015) ที่ติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพในพื้นที่ Hukaung Valley ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศเมียน
               มาร์ ที่ติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพรวม10,750 กับดักคืน พบสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนม 35 ชนิด นกป่า 16 ชนิด เป็นภาพสัตว์
               ป่า 2,077 ภาพ เป็นภาพมนุษย์ 645 ภาพ ซึ่งแสดงถึงความหลากในพื้นที่มากกว่าการศึกษานี้ เนื่องจากด าเนินการใน
               พื้นที่กว้างและมีจ านวนต าแหน่งตั้งกล้องมากกว่า แต่เมื่อเปรียบเทียบจ านวนภาพถ่ายมนุษย์ในพื้นที่ที่พบว่ามี 645

               ภาพ จ านวนภาพสัตว์ป่า 2,077 ภาพ คิดเป็นสัดส่วน 1: 3.22 ขณะที่ในพื้นที่สัมปทานปูนซิเมนต์คิดเป็นสัดส่วนภาพ
               มนุษย์ต่อภาพสัตว์ป่า 1: 5.87 ในพื้นที่ศึกษายังพบภาพสุนัขบ้าน 736 ภาพ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงกิจกรรมการรบกวนมากกว่า
               แต่กลับปรากฏภาพสัตว์ป่ามากกว่า ซึ่งอาจเป็นเพราะ กิจกรรมของมนุษย์ในพื้นที่ศึกษาส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมที่ไม่ใช่
               การล่าสัตว์ป่าหรือปรากฏน้อยมาก ขณะที่ในประเทศเมียนมาร์ภาพของพรานล่าสัตว์ป่ามากกว่า
                     ผลการศึกษาพบว่า ช่วงฤดูฝนสามารถถ่ายภาพสัตว์ป่าได้มากกว่าฤดูแล้ง แม้ว่าจ านวนกับดักคืน (trap night)
               ใกล้เคียงกัน โดยฤดูแล้ง มีจ านวน 1,758 trap night ฤดูฝนมีจ านวน 1,494 trap night รวมถึงกิจกรรมของมนุษย์ใน
               พื้นที่ ซึ่งเป็นเพราะกิจกรรมการท าเหมือง การขนส่งวัสดุจากเหมือง การท างานของเครื่องจักรขนาดใหญ่ภายในเหมือง
               มีมากในช่วงฤดูแล้ง กว่าในฤดูฝน ท าให้พบสัตว์ป่าในช่วงฤดูฝนมากกว่า หากพิจารณาในภาพรวมของพื้นที่เขาหินปูนที่

               พบว่ามีอาณาเขตต่อเนื่องไปจนถึงอ าเภอมวกเหล็ก ใกล้กับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติน้ าตกเจ็ดสาวน้อย





               วารสารสัตว์ป่าเมืองไทย ปีที่ 24 พ.ศ. 2560                  Journal of Wildlife in Thailand Vol. 24, 2017
   121   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131