Page 123 -
P. 123

โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


                                                           112

                     พื้นที่สัมปทานเหมืองหินปูน ด าเนินการบริเวณพื้นที่สัมปทานของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จ ากัด อยู่ใน
               เขตต าบลทับกวาง ต าบลท่าล้อ และต าบลบ้านป่า อ าเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,575 ไร่
               เป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติประมาณ 1,442 ไร่ สภาพทั่วไป เป็นเทือกเขาหินปูนมีระดับความสูงตั้งแต่ 10-252 เมตรจาก
               ระดับน้ าทะเลปานกลาง มุมลาดเอียงของภูเขาประมาณ 35–70 องศา พื้นที่ด้านเหนือมีความลาดชันมากกว่าพื้นที่ทาง
               ทิศใต้  สภาพปัจจุบันมีการท าเหมืองแบบเปิดหน้าดินแล้วตัดออก (open cut) จึงท าให้พื้นที่มีลักษณะเป็นบ่อเหมือง

               ในลักษณะขั้นบันไดที่มีขนาดความสูงประมาณ 12-13 เมตร กว้างประมาณ 12-13 เมตร ความชันประมาณ  80-90
               องศา ส าหรับบริเวณขอบเขตภายนอกโดยรอบพื้นที่บ่อเหมืองทางด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือยังคงมีสภาพเป็นพื้นที่
               ป่าไม้ตามธรรมชาติเดิม โดยมีสภาพเป็นป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ตามหน้าผาเป็นพรรณไม้ที่ขึ้นตามเขาหินปูน
               บางส่วนพรรณไม้ต่างถิ่นขึ้นปะปน โดยเฉพาะกระถินยักษ์ (Department of Cilviculture, 2011)
                     จากข้อมูลสภาพภูมิอากาศในรอบ 30 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2519 ถึง พ.ศ. 2549 บริเวณอ าเภอแก่งคอยพบว่า ใน
               พื้นที่มีปริมาณน้ าฝนเฉลี่ยรายปี 1,304 มิลลิเมตร อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 28-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดอยู่ใน
               เดือนเมษายน ประมาณ 30.5 องศาเซลเซียส  และอุณหภูมิต่ าสุดอยู่ในเดือนธันวาคม ประมาณ 25.5 องศาเซลเซียส
               (Department of Cilviculture, 2011) พื้นที่ศึกษาส่วนใหญ่ด าเนินการในป่าธรรมชาติที่เหลืออยู่ บริเวณด้านเหนือ
               ของพื้นที่ ดังภาพ 1


               การเก็บข้อมูล
                     1. เดินส ารวจพื้นที่ในป่าภายในพื้นที่สัมปทานทางด้านทิศเหนือที่ยังมีความเป็นธรรมชาติ เลือกพื้นที่ที่เหมาะสม
               ในการติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพเพื่อศึกษาสัตว์ป่า โดยวางกล้องให้ห่างกันประมาณ 100-200 เมตรอย่างเป็นระบบ
               จ านวน 8–13 ชุด ในพื้นที่ซึ่งคล้ายกับที่ Jansen et al. (2014) แนะน าให้ด าเนินการในแปลงศึกษานิเวศวิทยาระยะ
               ยาว
                     2. ติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพให้สูงจากพื้นดินประมาณ 30 เซนติเมตร ให้กล้องเว้นระยะห่างหลังจากการ
               บันทึกภาพเป็นเวลา 10 วินาที โดยท างานตลอด 24 ชั่วโมง บันทึกต าแหน่งภูมิศาสตร์ของกล้องดักถ่ายภาพ สภาพ

               พื้นที่ มีการเปลี่ยนต าแหน่งของกล้องดักถ่ายภาพบางต าแหน่งเนื่องจากถูกรบกวน (Moruzzi et al., 2002)
                     3. กลับมาตรวจเช็คการท างานของกล้องดักถ่ายภาพเป็นประจ าทุกเดือน ถ่ายข้อมูลจากหน่วยบันทึกความจ า
               เปลี่ยนแบตเตอรี่ ตลอดระยะเวลา 12 เดือนระหว่างเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 ถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559

               การวิเคราะห์ข้อมูล
                     1. จ าแนกชนิดและการตรวจสอบความถูกต้องของสัตว์ป่าจากภาพถ่ายที่ได้ ตามเอกสารของ Lekagul &
               McNeely (1988) และ Lekagul & Round (1991) นับออกมาเป็นจ านวนภาพ
                     2. ค านวณหาค่าร้อยละของความมากมายสัมพัทธ์ ของสัตว์แต่ละชนิดที่พบจากกล้องดักถ่ายภาพค านวณโดยใช้
               สัดส่วนการปรากฏของภาพถ่ายต่อจ านวนวันที่ติดตั้งกล้องทั้งหมด คล้ายกับที่ Kanchanasaka (1999) ใช้ในการศึกษา

               ความมากมายของสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีสูตรการค านวณดังนี้








                     เปรียบเทียบความมากมายสัมพัทธ์ของสัตว์ป่าระหว่างฤดูฝนและฤดูแล้งและระหว่างพื้นที่ป่าธรรมชาติกับพื้นที่
               ฟื้นฟูหลังการท าเหมืองโดยใช้ t test โดยเลือกใช้แบบความแปรปรวนไม่เท่ากัน แล้วพิจารณาผลที่ระดับนัยส าคัญ

               0.05





               วารสารสัตว์ป่าเมืองไทย ปีที่ 24 พ.ศ. 2560                  Journal of Wildlife in Thailand Vol. 24, 2017
   118   119   120   121   122   123   124   125   126   127   128