Page 148 -
P. 148

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว






               2.2 ดินเค็มภาคกลาง
                  ดินเค็มภาคกลางเป็นพื้นที่ซึ่งน�้าทะเลเคยท่วมถึงมาก่อน  ก�าเนิดจากตะกอนน�้าทะเลและตะกอน

          น�้ากร่อย  มีตะกอนน�้าจืดทับถมอยู่ข้างบน  ดินจึงมีสภาพความเค็มในดินล่างสูงกว่าดินบน  ในบริเวณที่มี
          ชั้นดินจากตะกอนน�้าจืดบางและน�้าใต้ดินสูงจะพบดินเค็มซึ่งมีสภาพความเค็มแตกต่างกันเป็นหย่อมๆ พบ
          ดินเค็มในจังหวัดนครปฐม  สุพรรณบุรี  กาญจนบุรี  อ่างทอง  สิงห์บุรี  และชัยนาท  มีพื้นที่ดินเค็มรวมกัน

          ประมาณ 2 แสน 2 หมื่นไร่ ในพื้นที่ลุ่มซึ่งมีความเค็มระดับปานกลางชาวนาใช้ปลูกข้าวแต่ให้ผลผลิตต�่า
               2.3 ดินเค็มชายทะเล

                  ดินเค็มชายทะเลส่วนที่ติดกับทะเล เกิดจากอิทธิพลของน�้าทะเลท่วมถึง ส่วนที่สูงขึ้นมาเป็นพื้นที่
          ซึ่งน�้าทะเลเคยท่วมมาก่อน จึงแบ่งดินเค็มชายทะเลเป็น 2 ส่วน คือ
                  1) บริเวณพื้นที่ลุ่มน�้าทะเลท่วมถึง วัตถุต้นก�าเนิดเป็นตะกอนน�้าทะเลและตะกอนน�้ากร่อย ดิน

          มีลักษณะเป็นดินเลน มีความชื้นสูง พืชพรรณธรรมชาติเป็นไม้ชายเลนซึ่งเป็นพืชดินเค็ม (halophyte)
                  2) บริเวณพื้นที่ถัดขึ้นมาซึ่งน�้าทะเลเคยท่วมถึงมาก่อน  วัตถุต้นก�าเนิดเป็นตะกอนน�้าทะเลและ

          ตะกอนน�้ากร่อยเช่นเดียวกัน เนื้อดินเป็นดินเหนียว อาจพบชั้นทรายและเปลือกหอยในดินล่าง
                  ดินเค็มชายทะเลมีเนื้อที่ประมาณ  2  ล้าน  6  แสนไร่  ชุดดินที่มีปัญหาดินเค็มได้แก่  ชุดดิน
          บางปะกง  ชุดดินหนองแก  ชุดดินท่าจีน  ชุดดินสมุทรปราการ  ชุดดินสมุทรสงคราม  และชุดดินตะกั่วทุ่ง

          ในบางบริเวณซึ่งมีความเค็มระดับปานกลาง ชาวนาใช้ปลูกข้าวที่ทนเค็ม ซึ่งให้ผลผลิตต�่า



          3. การเจริญเติบโตของข้าวในดินเค็มและดินโซดิก
               3.1 ข้าวในดินเค็ม
                  ข้าวเป็นพืชทนเค็มปานกลาง และดูเหมือนจะทนเค็มกว่าพืชไร่และพืชสวนทั่วไปซึ่งปลูกในสภาพ

          ดินไร่ อันมีความชื้นสูงสุดไม่เกินความจุความชื้นสนาม (field capacity) เนื่องจากการวัดความเค็มของ
          ดินใช้ตัวอย่างดินแห้งมาท�าให้อิ่มด้วยน�้า  แล้วสกัดดินที่อิ่มตัวด้วยน�้ามาวัดการน�าไฟฟ้า  เพื่อประเมินระดับ

          ความเค็มของดิน  ส่วนการปลูกข้าวท�าในสภาพน�้าขังซึ่งเกลือในดินเจือจางลงมาก  ดังนั้นดินที่มีคราบเกลือ
          เล็กน้อยในฤดูแล้ง จึงสามารถปลูกข้าวได้ในฤดูฝน แต่การปลูกพืชหลังนาในฤดูแล้งไม่ค่อยได้ผล
                      ส�าหรับข้าวโดยทั่วไป  เมื่อค่าการน�าไฟฟ้าของสารละลายดินที่สกัดจากดินที่อิ่มตัวด้วยน�้าที่  25 C
                                                                                              O
          เท่ากับ  6-10  dSm   ผลผลิตของข้าวจะลดลงร้อยละ  50  โดยข้าวได้รับผลกระทบจากเกลือที่ละลายได้
                           -1
          ในบริเวณไรโซสะเฟียร์ (rhizosphere) คือ โซเดียมและคลอไรด์ไอออน มากกว่าผลกระทบด้านการดูดน�้า

          เนื่องจากปลูกข้าวในสภาพน�้าขัง  นอกจากนั้นการขังน�้าท�าให้เกลือในสารละลายดินเจือจางลงตามสัดส่วน
          ของปริมาณน�้าที่ขังในนา อย่างไรก็ตาม ข้าวทนทานต่อความเค็มในแต่ละช่วงการเจริญเติบโตแตกต่างกัน
          กล่าวคือ ในช่วงแตกกอข้าวจะทนเค็มมากกว่าในช่วงเป็นกล้าอ่อนและระยะเจริญพันธุ์ นอกจากนี้พันธุ์ข้าว

          ต่างกันก็ทนทานต่อความเค็มมากน้อยต่างกันด้วย




          144 ดินนาที่เป็นปัญหาต่อการปลูกข้าว                        ดิน ธาตุอาหารและปุ๋ยข้าว
   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153