Page 168 -
P. 168

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



                                                                 ของประชากรโดยใช้เครื่องหมายโมเลกุล 161
                                                                   บทที่ 7 การศึกษาความแปรปรวน


              สามารถเขียนในรูปของจีโนไทป์ที่เกิดขึ้นได้ดังนี้
 52   พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์


                                             A
    เมื่อมีการผสมพันธุ์กันอย่างสุ่มในประชากร จะมีความถี่ของจีโนไทป์ที่เกิดขึ้นดังนี้  B  C  D
                            แบบที่ 1       A1A1        B1B1        C1C1       D1D1
               พ่อ
           .                                .                                .                                .                         
 แม่                        แบบที่ 2       A1A2        B1B2                   D1D2
     .                            0.1678AABB   0.0944AABb   0.0944AaBB   0.0531AaBb
                            แบบที่ 3
                                           A1A3
                                                       0.0299Aabb
     .                            0.0944AABb   ͲǤͲͷ͵ͳAAbb   0.0531AaBb   B2B2  D2D2
     .                            0.0944AaBB   0.0531AaBb   0.0531aaBB   0.0299aaBb
                                           A2A2
                            แบบที่ 4
     .                            0.0531AaBb   0.0299Aabb   0.0299aaBb   0.0168aabb

                            แบบที่ 5       A2A3
                         0.1678AABB 0.1887 AABb 0.0531AAbb
 ความถี่ของจีโนไทป์ในรุ่นลูก   =   [0.1887AaBB  0.2123AaBb  0.0597Aabb]
                                           A3A3
                            แบบที่ 6
                          0.0531aaBB    0.0597 aaBb   0.0168aabb

 การทดสอบประชากรที่อยู่ในสภาวะสมดุล
              หาจ�านวนจีโนไทป์ได้จากสูตร
    นิยมใช้การทดสอบค่าด้วยวิธีไคสแควร์ (Chi-square) จากสูตร  = ∑ n  [ (O i −E i ) 2 ]
                                                 k(k+1)
                                           2
                                                 i=1    E i
                                                  2
 ก าหนดให้
                     โดย k เป็นจ�านวนอัลลีลที่เกิดขึ้นในแต่ละต�าแหน่ง (locus) จากตัวอย่างจะได้จ�านวนจีโนไทป์
 2
     =  ค่าไคสแควร์            3(3+1)   2(2+1)   1(1+1)   2(2+1)  = 13
              ที่เกิดขึ้นทั้งหมด คือ                                                       จีโนไทป์
                                       +
                                                       +
                                               +
 i =  ค่าที่ได้จากการทดลองของลักษณะที่ i
 O                                2        2       2       2
                     ส�าหรับจ�านวนจีโนไทป์ที่เกิดขึ้นได้นั้นจะมีทั้งหมดจาก 4 ต�าแหน่ง 6 × 3 × 1 × 3 = 54
 i =  ค่าที่คาดหมายของลักษณะที่ i
 E

                     ส่วนการเลือกจ�านวนของเครื่องหมายโมเลกุลที่น�ามาใช้ในเรื่องของความแปรปรวนนั้น ถ้าเป็น
 n   =  จ านวนลักษณะที่ท าการทดสอบ
              เครื่องหมายโมเลกุลแบบ dominant อย่าง AFLP จะต้องมีจ�านวนถึง 200 loci ในขณะที่เครื่องหมาย
    และเมื่อท าการค านวณไคสแควร์แล้วเปรียบเทียบกับตารางไคสแควร์ พบว่า ถ้าประชากรมีค่าไคส
              โมเลกุล SSR ควรมีจ�านวนอย่างน้อย 20 เครื่องหมายโมเลกุล และถ้ามีจ�านวนเครื่องหมายโมเลกุลมาก
 แควร์ที่น้อยกว่าค่าไคสแควร์ที่เปิดจากตารางแปลว่า ประชากรจะอยู่ในสมดุล
              จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของผลงานวิจัยมากขึ้น ส่วนจ�านวนต้นที่ต้องใช้ในงานวิจัยนั้นเพื่อให้เข้าสู่
              สภาพสมดุลของ Hardy-Weinberg equilibrium ควรที่จะมีจ�านวนต้นให้มากที่สุดเท่าที่ท�าได้แต่ถ้า
    จากตัวอย่างในประชากรที่มียีนควบคุม 1 ยีน ประกอบด้วยลักษณะที่ปรากฏดอกสีแดง (AA) 20 ต้น
              น้อยเกินไปการเข้าสู่สภาพสมดุลก็จะไม่เกิดขึ้น และปัญหาหลักของการที่ท�าให้ความถี่ของยีนหรือ
 ดอกสีชมพู (Aa) 70 ต้น และดอกสีขาว (aa) 110 ต้น ท าการตรวจสอบความถี่ของจีโนไทป์ว่าเป็นไปตาม
 ความถี่ของกฎฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กหรือไม่  จีโนไทป์หายไปนั้นเกิดจากที่นักวิจัยสุ่มตัวอย่างมาจากประชากรท�าให้บางอัลลีลที่ต้องการหายไป เช่น
              ประชากรใหญ่มีอัลลีลประกอบด้วย 4 อัลลีลคือ A1, A2, A3, A4 แต่เมื่อมีการสุ่มในประชากรปรากฏว่า
    ก าหนดให้ p คือ ความถี่ของยีน A และ q คือความถี่ของยีน a
              พบแต่ A1 และ A2 ท�าให้เกิดการสูญหายของอัลลีล A3 และ A4 ในบทนี้จะกล่าวถึงความหลากหลาย
        1     ภายในประชากรและระหว่างประชากรเท่านั้น
                                              1
  ∴ ความถี่ของยีน A =  20+ (70)  = 0.275 และ ความถี่ของยีน a =  110+ (70)  = 0.725
        2
                                              2
       200                                  200
    จากการค านวณจ านวนต้นที่มีจีโนไทป์ตามกฎฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ซึ่งค านวณความถี่ของยีนได้ดังนี้

 จ านวนต้นที่มีจีโนไทป์ AA ตามค่าที่คาดหมาย   = p   × 200       = (0.275)   × 200
                            2
                                                     2
   163   164   165   166   167   168   169   170   171   172   173