Page 23 -
P. 23
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ครบอายุก็จะเก็บเกี ยวได้ เป็นข้าวที มีลักษณะเป็นเมล็ดแข็ง เป็นข้าวคุณภาพตํ า คนไทยไม่ค่อยนิยม
รับประทานจึงส่งออกเป็นส่วนใหญ่
ยางพารา
การปลูกยางในประเทศไทยไม่มีการบันทึกเป็นหลักฐานที แน่นอนว่าเริ มต้นเมื อใด โดยคาดว่าน่าจะ
เริ มมีการปลูกครั งแรกในอําเภอกันตัง จังหวัดตรัง ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2442 – 4442 และมีการขยาย
พันธ์ยางมาปลูกในบริเวณจังหวัดตรัง และนราธิวาส ต่อมาในปี พ.ศ. 2454 ได้มีการนําพันธุ์ยางมาปลูกใน
จังหวัดจันทบุรี ซึ งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย นับจากนั นเป็นต้นมาได้มีการขยายพันธุ์ปลูก
ยางพาราไปทั วทั ง 14 จังหวัดในภาคใต้ และ 3 จังหวัดในภาคตะวันออก นอกจากนี ยังมีการขยายพันธุ์ยางมา
ปลูกในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ตั งแต่ปี พ.ศ. 2534 เป็นต้นมา ยางพาราจึง
กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที สําคัญของประเทศไทย โดยยางพาราประเภทยางดิบ ผลิตภัณฑ์ยางและไม้ยางพารา
สามารถทํารายได้ให้กับประเทศจากการส่งออก ดังนั น ยางพาราจึงถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที สําคัญของ
ประเทศไทย อีกทั งยางพารานั นก่อให้เกิดอุตสาหกรรมที เกี ยวข้องกับยางพาราตามมาอีกด้วย เนื องจาก
ผลิตภัณฑ์ยางเป็นผลิตภัณฑ์ที ใช้กับชีวิตประจําวันของคนทั วโลก เช่น ยางรถยนต์ เครื องมือแพทย์ เป็นต้น
ยางพาราเป็นพืชยืนต้นใช้เวลาในการปลูกนานถึง 6 ปี จึงจะสามารถกรีดนํ ายางได้ โดยปกติผลผลิต
ยางพาราจะออกสู่ตลาดเกือบทั งปี และออกสู่ตลาดมากในช่วงปลายปีต่อเนื องจนถึงต้นปี เนื องจากเป็นช่วง
ปลายฤดูฝน ดินมีความชุ่มชื น หลังจากนั นผลผลิตจะลดลงในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน ซึ งเป็นช่วงที ต้น
ยางผลัดใบจะให้นํ ายางน้อยกว่าปกติ ชาวสวนจึงหยุดกรีดยาง โดยผลผลิตจะกลับมาเพิ มขึ นอีกครั งในช่วง
เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน จนกระทั งในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนซึ งเป็นช่วงฤดูฝน การกรีดยางทํา
ได้ยากลําบาก อีกทั งนํ าฝนทําให้นํ ายางที ได้มีคุณภาพตํ า ชาวสวนยางจึงไม่นิยมกรีดยางในช่วงเวลาดังกล่าว
ฉะนั นในปีหนึ งๆ ชาวสวนจะกรีดยางได้เฉลี ยประมาณ 120 – 180 วัน นํ ายางที กรีดได้ประมาณร้อยละ 90
ถูกผลิตเป็นยางแผ่นดิบ เพื อนําไปแปรรูปเป็นยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และที เหลือร้อยละ 10 จะถูกนําไป
แปรรูปเป็นนํ ายางข้นขั นสุดท้าย โดยอุตสาหกรรมแปรรูปยางแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ยางแห้ง ประกอบด้วย
ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางแผ่นผึ งแห้ง และยางนํ า ประกอบด้วย นํ ายางข้น หรือยางลาเท็กซ์
ยางแผ่นรมควัน (Ribbed Smoked Sheet: RSS) คือ ยางแผ่นที ได้จากการนํานํ ายางสดมาทําให้เกิด
การจับเป็นก้อนโดยการใช้กรดและรีดเป็นแผ่น จากนั นนําไปทําให้แห้งด้วยความร้อนและควันจากการเผา
ไหม้ โดยจะมีเกรดแตกต่างกันไปตามระดับความบริสุทธิ และความยืดหยุ่นของยาง แบ่งออกเป็น 5 เกรด
ด้วยกันตั งแต่ RSS1 ถึง RSS5 โดยในปี 2557 จากสถิติของการยางแห่งประเทศไทย ไทยส่งออกยางแผ่น
รมควันมีมูลค่าสูงถึง 48,077.18 ล้านบาท หรือ 715,354 ตัน โดยในจํานวนนี เป็นยางแผ่นรมควันชั น 3 มาก
ถึง 633.974 ตัน (รินใจ ชาครพิพัฒน์ 2558)
มันสําปะหลัง
2-3