Page 22 -

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

10

ตัว การทําบันทึกเกี่ยวกับโคนมจากทะเบียนประวัติฟารม ประวัติโคนม ประวัติการผสมเทียมประวัติการรักษา
สุขภาพ ประวัติการผสมพันธุ ประวัติการใหนม เปนฐานขอมูลตั้งตน (รายงานการประชุมคณะกรรมการ

ดําเนินงานฐานขอมูลโคนม ครั้งที่ 3/2547 วันที่ 20 ก.ค. 2547 ณ หองประชุม 2 ตึกชัยอัศวรักษ, กรมปศุ
สัตว)
การบันทึกขอมูลฟารมอยางตอเนื่องและสม่ําเสมอตั้งแตเริ่มตนทําฟารม เพื่อนําขอมูลเหลานั้นมาใชใน
การวิเคราะห ปรับปรุง แกไข และวางแผนในดานการจัดการฟารม ยึดถือหลักวิชาการในการแกไขปญหาตางๆ
ทําตามคําแนะนําจากเจาหนาที่ในการจัดการฟารมใหเปนระบบ (นางสุภาพ มัตราช สุภาพฟารม,

www.matichon.co.th/techno/) เริ่มตนจากวันที่สัตวเกิด น้ําหนักและสัดสวนแรกเกิด วันผสม วันคลอด
การชั่งน้ําหนักโคทุกครั้ง วันหยานมอายุ 1 ป เกณฑผสมพันธุ ระยะเวลาการใหนม จํานวนวัคซีน การรักษาโรค
ควรทําสม่ําเสมอเปนประจํา

2.1.11 การปองกันโรคโคนม ควรปฏิบัติดังนี้
1. เลี้ยงแตโคที่แข็งแรงสมบูรณ และปลอดจากโรค

2. ใหอาหารที่มีคุณภาพดีและมีจํานวนเพียงพอ
3. จัดการเลี้ยงดูและปองกันโรคติดตอรายแรงใหเหมาะ
4. คอกคลอดควรทําความสะอาด ใชยาฆาเชื้อพนหรือราดทิ้งไว 2-3 อาทิตย
5. ลูกโคเกิดใหมตองลางเอาเมือกที่อยูในปาก จมูกออกใหหมดและเช็ดจนลูกวัวแหง

6. สายสะดือลูกโคควรใสทิงเจอรไอโอดีนราดใหโชกและใสยากันแมลงวันวางไขทุกวัน จนกวาสาย
สะดือจะแหง
7. ใหลูกโคกินนมน้ําเหลืองโดยเร็ว ภายใน 15 นาที หลังคลอด
8. ใหลูกโคกินนมไมเกิน 10 % ของน้ําหนักตัว แบงออกเปน 2 ครั้งตอวัน

9. ถายพยาธิเมื่อลูกโคอายุ 3 เดือน
10. เมื่ออายุได 3-8 เดือน ฉีดวัคซีนปองกันโรคแทงติดตอ (สะเตรน 19) ใหกับลูกโคเพศเมีย
11. เมื่อลูกโคหยานมตองฉีดวัคซีนปองกันโรคติดตอดังนี้

ก) ฉีดวัคซีนปองกันโรคปากและเทาเปอย ใหครบ 3 ชนิด (เอ, เอเชียวัน, โอ)
และฉีดซ้ําทุก 6 เดือน
ข) ฉีดวัคซีนโรคเฮโมรายิกเซฟติซิเมีย (โรคคอบวม) และ ฉีดซ้ําทุก 6 เดือน
ค) ฉีดวัคซีนโรคแอนแทรกซ (โรคกาลี) และฉีดซ้ําทุกป
12. พนหรืออาบยาฆาเห็บทุก 15 วัน

13. จัดการปองกันโรคเตานมอักเสบดังนี้
ก) คอกตองแหงไมชื้นเฉอะแฉะ ไมมีวัตถุแหลมคม ลวดหนาม ตะปู
ข) รีดนมตามลําดับโดยรีดโคสาวกอน แลวรีดโคอายุมากขึ้น โคที่เปนโรครีดหลังสุด
ค) กอนรีดเช็ดเตานมดวยยาฆาเชื้อ เชน น้ําคลอรีน ผาที่ใชเช็ดควรใชเฉพาะตัวไมปะปนกัน