Page 5 -
P. 5
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
การเกษตรบางรูปแบบจะไปทําลายความมั่นคงทางอาหารและความยั่งยืนของท้องถิ่นหรือชุมชนผู้รับการลงทุน
ทั้งนี้ ความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนการเกษตรโดยนักลงทุนภายนอก ทําให้บางพื้นที่ของไทยเริ่ม
ประสบปัญหาการเข้ามาเช่าหรือครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่โดยนักลงทุนต่างชาติเพื่อผลิตผลไม้ส่งกลับไปยัง
ประเทศของตน การลงทุนในบางกรณีได้เริ่มสร้างปัญหาเรื่องการแย่งน้ําเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคกับ
เกษตรกรรายย่อยในพื้นที่และสร้างความกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่ในเรื่องผลกระทบจากสารเคมีต่อคนงาน
ในไร่และสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงความขัดแย้งระหว่างบริษัทเอกชนที่ทําเกษตรพันธะสัญญากับเกษตรกรในพื้นที่
งานวิจัยฉบับนี้ศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นกับรูปแบบการซื้อขายสินค้าเกษตรแบบดั้งเดิมของพื้นที่สูง และ
ศึกษาลักษณะหรือรูปแบบการเกษตรแบบต่างๆ ได้แก่ การปลูกพืชยืนต้นเชิงเดียว (มะม่วง) การปลูกพืชยืน
ต้นแบบวนเกษตร (กาแฟ) การปลูกพืชผสมผสานทั้งในและนอกโรงเรือน การปลูกพืชในโรงเรือนเป็นหลัก และ
การปลูกเมล็ดพันธุ์เกษตร และลักษณะรูปแบบธุรกิจต่างๆ เช่น ระบบดั้งเดิม เกษตรพันธะสัญญา การรวมกลุ่ม
ขายผลผลิต การรวมกลุ่มและพัฒนาคุณภาพผลผลิต และการรวมกลุ่มเพื่อการแปรรูปผลผลิต ที่ถูกพัฒนาขึ้น
เพื่อสร้างรายได้และแก้ไขข้อจํากัดในพื้นที่สูง รวมถึงความสัมพันธ์ของลักษณะเฉพาะรูปแบบการเกษตรและ
รูปแบบธุรกิจกับตัวแปรที่สะท้อนความยั่งยืนในพื้นที่ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เข้าใจถึง
จุดเด่นและข้อจํากัดของรูปแบบธุรกิจต่างๆ และเพื่อให้สามารถแสดงคุณลักษณะและกลไกสําคัญที่รูปแบบ
ธุรกิจจําเป็นต้องมีเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่สูงได้
ผู้วิจัยได้ลงพื้นที่ศึกษาหมู่บ้านที่มีการทําการเกษตรบนพื้นที่สูงและมีรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างกันไปใน
7 หมู่บ้าน ใน 6 อําเภอ ในจังหวัดน่าน ได้แก่ บ้านป่ากลาง อ.ปัว บ้านสบเป็ดและบ้านสันเจริญ อ.ท่าวังผา
บ้านมณีพฤกษ์ อ.ทุ่งช้าง บ้านแม่จริม อ.แม่จริม บ้านโป่งคํา อ.สันติสุข และบ้านถ้ําเวียงแก อ.สองแคว โดยเก็บ
ข้อมูลแบบสอบถามรายครัวเรือนจํานวน 146 ชุด และการสัมภาษณ์เชิงลึกกับเกษตรกร หน่วยงานภาครัฐ
องค์กรพัฒนาในพื้นที่ ในช่วงปี พ.ศ. 2559 และนํามาวิเคราะห์ทั้งในเชิงพรรณนาและเชิงสถิติผ่านเครื่องมือ
เศรษฐมิติ และมีการจัดประชุมรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญทั้งในพื้นที่ จ.น่าน และใน
กรุงเทพฯ
ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรบนพื้นที่สูงที่อยู่ในระบบการซื้อขายแบบดั้งเดิมที่เกษตรกรแต่ละรายราย
แยกกันขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อหรือนําไปขายให้พ่อค้าที่ตลาดรับซื้อ มักจะประสบปัญหาหลักคือ
การขาดอํานาจต่อรองในการขายผลผลิต ซึ่งเป็นผลมาจากข้อจํากัดในเชิงกายภาพ (ความห่างไกลตลาด น้ําไม่
เพียงพอ) ข้อจํากัดของเกษตรกร (ความรู้ ข้อมูลตลาด เงินทุน) และข้อจํากัดเชิงสถาบัน (สิทธิ์ที่ดิน กฎหมาย
ป่าไม้) ทําให้เกษตรกรส่วนใหญ่เลือกปลูกพืชที่เป็นผลผลิตทั่วไป ไม่มีจุดเด่น เก็บรักษาได้ไม่นาน ในขณะที่มี
พ่อค้าเข้ามารับซื้อไม่มากนักเนื่องจากมีต้นทุนค่าขนส่งสูง มีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อต่อกันหลายช่วง โดยพบว่า
เกษตรกรมักจะต้องแย่งกันขายผลผลิตในช่วงปลายฤดูกาลและทําให้ราคาผลผลิตตกลง นอกจากนี้ เกษตรกร
มักจะมีความต้องการที่จะขายผลผลิตของตนเองให้ได้หมด เกษตรกรส่วนใหญ่จึงยอมที่จะขายผลผลิตแบบคละ
คุณภาพในราคาที่ต่ํากว่าการขายแบบแบ่งคุณภาพ ในขณะเดียวกัน พ่อค้ารับซื้อก็พยายามสร้างอํานาจต่อรอง
ให้กับตนเองผ่านช่องทางต่างๆ เช่น การรอซื้อผลผลิตในช่วงที่สามารถกดราคาเกษตรกรได้ หรือการร่วมกัน
กําหนดราคาระหว่างพ่อค้าเจ้าต่างๆ ที่เข้ามารับซื้อในพื้นที่ การที่เกษตรกรมีอํานาจต่อรองต่ํานี้ ส่งผลให้
ii