Page 34 -
P. 34
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
3-3
ในชวงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2510-2514) อยูในชวงการบริหาร
ของรัฐบาลคณะที่ 30 และ 31 ซึ่งมีจอมพลถนอม กิตติขจร เปนนายกรัฐมนตรี
ปญหาที่เกี่ยวของกับการพัฒนาทรัพยากรน้ําที่ระบุไวในแผนพัฒนาฯ ฉบับนี้คือ
การดําเนินงานพัฒนาดานชลประทานมีปญหาในการกูเงิน การเวนคืนที่ดิน การอพยพราษฎรออกจากบริเวณ
น้ําทวม และการขุดคลองสงน้ําในเขตโครงการชลประทานหลายแหง ดวยเหตุนี้ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 2
จึงไดมีนโยบายที่ตอเนื่องกับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 1 ในการพัฒนาแหลงน้ําเพื่อการชลประทาน
ซึ่งสอดคลองกับนโยบายของรัฐบาลที่แถลงตอรัฐสภาที่เนนการพัฒนาดานชลประทาน สวนนโยบายและการ
ดําเนินการของคณะรัฐมนตรีนั้น
มีการพัฒนาแหลงน้ําขนาดใหญและขนาดกลางอยางตอเนื่องจากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 1 รวมทั้ง
การจัดหาน้ําอุปโภคบริโภค และงานดานการปลูกพืชครั้งที่ 2 ในเขตลุมน้ําเจาพระยา เริ่มตนการแกไขปญหา
การระบายน้ําเพื่อปองกันน้ําทวมและระบายน้ําเสียในพระนครและธนบุรี
มีการกอสรางเขื่อนขนาดใหญ (ความจุ 100 ลาน ลบ.ม ขึ้นไป) ในชวงแผนพัฒนาฯ ฉบับนี้ 5 แหง
ดังนี้ (1) อางเก็บน้ําน้ําอูน (2) อางเก็บน้ําทับเสลา (3) เขื่อนสิรินธร (4) เขื่อนจุฬาภรณ (5) อางเก็บน้ําหวยหลวง
จึงสรุปไดวา “นโยบายจากมติคณะรัฐมนตรีและการดําเนินการ มีความสอดคลองกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแหงชาติ และนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงตอรัฐสภา ทั้งการกอสรางระบบชลประทาน การจัดหา
น้ําอุปโภคและบริโภค และมีนโยบายเพิ่มเติมจากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 1 ดานการปลูกพืชครั้งที่ 2 ในเขตลุมน้ํา
เจาพระยา และการแกไขปญหาน้ําเสียและการปองกันน้ําทวมในเขตพระนครและธนบุรี อยางไรก็ตามไมมีการ
ดําเนินการเรื่องการเก็บคาน้ําชลประทาน ในแผนพัฒนาฯ ฉบับนี้”
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2515-2519) อยูในชวงการบริหารของ
รัฐบาลรวม 7 คณะ คือรัฐบาลคณะที่ 32 มีจอมพลถนอม กิตติขจร เปนนายกรัฐมนตรี รัฐบาลคณะที่ 33
และ 34 มีนายสัญญา ธรรมศักดิ์ เปนนายกรัฐมนตรี รัฐบาลคณะที่ 35 มี ม.ร.ว. เสนีย ปราโมช เปน
นายกรัฐมนตรี รัฐบาลคณะที่ 36 มี ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เปนนายกรัฐมนตรี รัฐบาลคณะที่ 37 และ 38
มี ม.ร.ว. เสนีย ปราโมช เปนนายกรัฐมนตรี
ในชวงแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2515-2519) ยังคงมี
นโยบายการจัดหาน้ําโดยการพัฒนาแหลงน้ําอยางตอเนื่อง รวมทั้งในชวงแผนพัฒนาฯ ฉบับนี้ไดมีปญหาดาน
สิ่งแวดลอมเกิดขึ้น ดังนั้นในป พ.ศ. 2517 คณะรัฐมนตรีไดมีมติใหมหาวิทยาลัยที่พรอมไดเปดการสอน
เกี่ยวกับสิ่งแวดลอมระดับปริญญาโทและใหมีการฝกอบรมระยะสั้นไปพรอมกันดวย นอกจากนี้ยังมีการ
ประกาศใชพระราชบัญญัติสงเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดลอม พ.ศ. 2518 ซึ่งมีบทบัญญัติมาตรา 17
ไดกําหนดประเภทของโครงการหรือกิจกรรมที่ตองศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอม ซึ่งมีผลใหมีการกําหนดขนาด
ของโครงการพัฒนาแหลงน้ําที่ตองศึกษาผลกระทบสิ่งแดลอมในเวลาตอมาเนื่องจากในชวงแผนพัฒนาฯ ฉบับ
นี้มีรัฐบาลเขามาบริหารประเทศรวม 7 คณะ แตมีนโยบายน้ําอยูในคําแถลงนโยบายของรัฐบาลเพียง 2 คณะ
คือ คณะที่ 35 และคณะที่ 37 ไดเนนการดําเนินโครงการขนาดเล็ก และเรงรัดโครงการชลประทานขนาด
ใหญ ใหแลวเสร็จโดยเร็ว สวนรัฐบาลคณะที่ 36 ไดมีนโยบายจัดสรรงบประมาณใหสภาตําบลใชแรงงาน
พัฒนาทองถิ่นพัฒนาแหลงน้ํา โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง