Page 33 -
P. 33
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
3-2
ในสมัยรัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2468-2477) มีการเปลี่ยนชื่อกรมทดน้ํา เปนกรมชลประทาน เมื่อ พ.ศ. 2470 ไดมีการ
ขยายโครงการชลประทานออกไปในภาคตางๆ นโยบายน้ําในสมัยรัชกาลนี้เปนเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค
และการคมนาคม
3.3 นโยบายน้ําไทยภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศ พ.ศ. 2475
ในชวงภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 ถึง พ.ศ. 2504 กอนมีแผนพัฒนาการ
เศรษฐกิจแหงชาติฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2504-2509) นั้นมีรัฐบาลเขามาบริหารประเทศ รวม 28 คณะ คือคณะที่ 1
ถึงคณะที่ 28 มีนโยบายที่เนนเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะการขยายโครงการชลประทานโดยมีการสรางเขื่อนทด
น้ําเจาพระยาและคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ 2495 ไดมีการสรางการประปาที่จังหวัด
ลพบุรีและขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ อีกหลายจังหวัด การเปลี่ยนแปลงของนโยบายน้ําในชวงนี้มีนอยมาก
มีเพียงแตเพิ่มเติมขอบเขตของการปฏิบัติงานมากขึ้น
3.4. นโยบายน้ําในชวงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ ฉบับที่ 1-11 (พ.ศ. 2504-2559)
เมื่อเริ่มตนแผนพัฒนาการเศรษฐกิจฉบับที่ 1 จนถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติฉบับที่ 11
ในป พ.ศ. 2559 เปนเวลา 55 ป มีรัฐบาลเขามาบริหารประเทศรวม 33 คณะ จึงมีพลวัตนโยบายน้ําเกิดขึ้น
ตามนโยบายของรัฐบาลแตละคณะ โดยมีนโยบายน้ําที่กําหนดขึ้นจาก 3 แหลง คือ (1) จากแผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ (2) คําแถลงนโยบายของรัฐบาลตอรัฐสภา และ (3) มติคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะ
นํามาวิเคราะหถึงความสอดคลอง ความตอเนื่องและความแตกตาง โดยจะวิเคราะหรวม 3 เรื่อง คือ (1) การ
วิเคราะหเปรียบเทียบนโยบายน้ําในภาพรวม (2) การวิเคราะหเปรียบเทียบนโยบายเฉพาะเรื่องที่
คณะรัฐมนตรีมีมติและดําเนินการ และ (3) กรณีตัวอยางของความไมตอเนื่องของนโยบายน้ําไทย ดังตอไปนี้
3.4.1 การวิเคราะหเปรียบเทียบนโยบายน้ําในภาพรวม
ในชวงแผนพัฒนาการเศรษฐกิจแหงชาติฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2504-2509) อยูในชวงการบริหาร
ของรัฐบาล 2 คณะ คือ คณะที่ 29 ซึ่งมีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต เปนนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลคณะที่ 30 ซึ่ง
มีจอมพลถนอม กิตติขจร เปนนายกรัฐมนตรี
สถานภาพของทรัพยากรน้ําที่ระบุไวในแผนพัฒนาฯ ฉบับนี้ คือการใชน้ําและที่ดินในทองที่
ที่มีการชลประทานยังไดผลไมเต็มที่เพราะการกอสรางบางโครงการยังไมเสร็จสมบูรณ ดวยเหตุดังกลาวนี้ใน
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 1 จึงไดเนนการกอสรางโครงการชลประทาน เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตดานการเกษตร
และเรงรัดการกอสรางเขื่อนภูมิพลใหแลวเสร็จ และมีนโยบายการเก็บคาน้ําชลประทานจากเกษตรกรเมื่อ
โครงการชลประทานไดผลบริบูรณ ในสวนนโยบายของรัฐบาลที่แถลงตอรัฐสภานั้นไดเนนการพัฒนาดานการ
ชลประทานเชนเดียวกัน ซึ่งคณะรัฐมนตรีไดมีนโยบายและดําเนินการโดยการจัดหาโครงสรางพื้นฐานดาน
แหลงน้ําโดยการกอสรางแหลงน้ําขนาดใหญและขนาดกลาง จัดหาน้ําอุปโภคบริโภค ทั้งในชนบทและพระ
นครและธนบุรี มีการกูเงินจากธนาคารโลกเพื่อพัฒนาการเกษตรและการชลประทานในพื้นที่ภาคกลาง
รวมทั้งมีการเสนอใหเก็บคาน้ําชลประทานมีการกอสรางเขื่อนขนาดใหญ (ความจุ 100 ลาน ลบ.ม ขึ้นไป)
ดังนี้ (1) เขื่อนภูมิพล (2) เขื่อนสิริกิติ์ (3) เขื่อนบางพระ (4) เขื่อนลําปาว (5) เขื่อนอุบลรัตน (6) เขื่อนน้ําพุง
(7) อางเก็บน้ําลําตะคอง (8) เขื่อนกิ่วลม (9) อางเก็บน้ํากระเสียว (10) อางเก็บน้ําลําพระเพลิง มีการกูเงิน
จากธนาคารโลกสําหรับโครงการแกงกระจาน และมีการเปดเขื่อนภูมิพลในป 2507 จึงสรุปไดวา “มีความ
สอดคลองและเชื่อมโยงระหวางนโยบายทั้ง 3 แหลง โดยเฉพาะการกอสรางอางเก็บน้ําขนาดใหญ เพื่อการ
ชลประทาน ยกเวนการเก็บคาน้ําชลประทานที่ยังมิไดดําเนินการ”