Page 161 -
P. 161

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                                                                                                       157






                     ที่ 1 จะพบวาตนดิพลยอดที่ไดมีลักษณะหลาย ๆ อยางแตกตางไปจากตนแมซึ่งเปนลูกผสมชั่วที่ 1 และ

                     เมื่อทดสอบลูกของตนดิพลอยดเหลานี้จะพบวามีความสม่ําเสมอในลักษณะตาง ๆ ระหวางลูกที่มาจาก

                     ตนดิพลอยดเดียวกัน ตนดิพลอยดและโพลีพลอยดที่ไดจากการเพาะเลี้ยงอับละอองเกสรอาจเกิดขึ้น
                     เนื่องมาจากการรวมตัวกันระหวางนิวเคลียส 2 อันของละอองเกสร (nuclear fusion)  หรือเกิดจาก

                     ละอองเกสรที่มีการแบงเซลลผิดปกติแบบเอนโดโมโตซิส ทําใหโครโมโซมเพิ่มขึ้นเปนเทา ๆ โดยที่

                     ไมมีการแบงนิวเคลียส

                          14.7.5  การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเซลลรางกาย (somatic cell) ของตนพืชแฮพลอยด การนําเนื้อเยื่อ
                     สวนตาง ๆ ของตนพืชที่เปนแฮพลอยด เชน ราก ลําตน ใบ มาเลี้ยงบนอาหารสังเคราะหเพื่อชักนําให

                     เนื้อเยื่อสรางแคลลัส จากนั้นชักนําใหแคลลัสพัฒนาไปเปนตน (regeneration) ตนพืชที่ไดรับจะมีทั้ง

                     ตนแฮพลอยด และดิพลอยด เชน Kasperbauer และ Collins (1972) ไดเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจากสวนเสน
                     กลางใบแกของยาสูบแฮพลอยด พบวาไดตนดิพลอยดถึง  33 %



                     14.8 การใชประโยชนแฮพลอยดในการปรับปรุงพันธุพืช


                                 1.  เพื่อสรางพืชสายพันธุแทจากลูกผสมชั่วที่ 1 วัตถุประสงคที่สําคัญของนักปรับปรุง

                     พันธุพืชในการผลิตพืชแฮพลอยดก็เพื่อที่จะใชในการสรางพืชสายพันธุแทใหไดภายในระยะเวลาสั้นๆ
                     เนื่องจากพืชพวกแฮพลอยดยีนทุกตัวจะอยูเดี่ยว ๆ ไมมีคูของมัน (alleles) ดังนั้นถาเราสามารถเพิ่ม

                     จํานวนชุดของโครโมโซมขึ้นอีกชุดหนึ่ง ยีนทุกตัวจะเขาสูสภาพโฮโมโซโกซิตี (homozygosity) อยาง

                     สมบูรณทันทีภายใน 2  ชั่ว กลาวคือ ชั่วแรกเปนการผลิตตนแฮพลอยด และชั่วที่สองเปนการเพิ่ม
                     จํานวนโครโมโซมทําใหไดพืชสายพันธุแท ดังนั้นการสรางพืชสายพันธุแทจากแฮพลอยดจึงใชเวลา

                     สั้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับการสรางสายพันธุแทโดยวิธีการปรับปรุงพันธุปกติ (conventional

                     breeding) ซึ่งตองควบคุมใหพืชผสมตัวเองถึง 5-6 ชั่ว พืชจึงจะเขาสูสภาพโฮโมไซโกซิตี


                                 2.  ชวยในการผลิตสายพันธุแทจากพืชที่ไมสามารถผสมตัวเองได (self-

                     incompatibility) เชน เทอรนิป (turnip) เรฟ (rape) และกะหล่ําปลี (Brassica oleracea) หรือใชกับพืช
                     ที่ดอกตัวผูและตัวเมียอยูแยกกันคนละตน (dioecious plant) เชน มะละกอ และหนอไมฝรั่ง นอกจากนี้

                     เทคนิคการผลิตพืชสายพันธุแทจากตนแฮพลอยดของไมปา เชน พอบลาร (poplar)  จะชวยยน

                     ระยะเวลาที่ตองใชในการสรางพืชสายพันธุแทโดยการผสมตัวเอง ซึ่งแตละชั่วตองใชเวลาหลายป


                                 3.  ชวยขจัดปญหาการเกิดความเสื่อมถอยของลักษณะอันเนื่องมาจากการผสมตัวเอง

                     ของพืช (inbreeding depression) โดยปกติการผสมตัวเองติดตอกันหลาย ๆ ครั้งของพืชโดยเฉพาะพืช
                     ที่มีพื้นฐานทางพันธุกรรมแตกตางกันมาก ๆ เชน ลูกผสม จะทําใหลักษณะดอยที่ไมดีแสดงออกมาได

                     แตการสรางพืชสายพันธุแทจากลูกผสมชั่วที่ 1 โดยการนําอับละอองเกสรไปเพาะเลี้ยง จะไดตนพืช
   156   157   158   159   160   161   162   163   164   165   166