Page 141 -
P. 141

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว







                                                            บทที่ 5



                                                    สรุปผลและข้อเสนอแนะ


                 5.1 สภาวการณ์ปัจจุบันในการผลิตพริกจังหวัดนครปฐม

                        จังหวัดนครปฐมมีพื้นที่อําเภอกําแพงแสน อําเภอเมือง และอําเภอดอนตูม กลุ่มชุดดิน ระบบนํ้ามี

                 ความเหมาะสมในการปลูกพริก   เกษตรกรมีการปลูกพริกในระบบการผลิตพริกปลอดภัย (กลุ่ม  GAP)  และ

                 การปลูกพริกแบบทั่วไป (กลุ่ม  Non-GAP) ระดับการศึกษาและการเป็นสมาชิกกลุ่มทางการเกษตรน่าจะเป็น

                 เหตุผลที่ทําให้เกษตรกรยอมรับเทคโนโลยีการผลิตพริกปลอดภัยในระบบ  GAP  เกษตรกรกลุ่ม  GAP  มี
                 ประสบการณ์ในการปลูกพริกนานกว่า (15 ปี และ 13 ปี) มีแรงงานเฉลี่ยใกล้เคียงกัน (2 คน) ซึ่งทําให้

                 เกษตรกรมีปัญหาด้านแรงงานในการเก็บเกี่ยว โดยเฉลี่ยจะปลูกพริกประมาณ 2.50 ไร่ และเกษตรกรกว่า 1 ใน

                 3 เช่าพื้นที่ในการเพาะปลูก

                        5.1.1  ระบบการปลูกและการจัดการผลผลิต


                        การปลูกพริกของเกษตรกรที่พบในพื้นที่ศึกษามีอยู่ 2 ระบบ  คือ 1) ระบบการปลูกพริกหมุนเวียนกับ
                 การปลูกผักชนิดอื่น (Crop rotation) 2) ระบบการปลูกพริกร่วมกับผักชนิดอื่นในแปลงเดียวกัน ทั้งในระหว่าง

                 แถวพริก (Intercropping) และหมุนเวียนกับผักชนิดอื่นหลังตัดต้นพริกทิ้ง  (Crop rotation) ส่วนใหญ่จะปลูก

                 ในระยะเวลาใกล้กันในช่วงเดือนมกราคม และขายผลผลิตพริกให้ผู้รวมรวมผลผลิตในหมู่บ้านในช่วงเดือน
                 เมษายน-ตุลาคม เกษตรกรทั้งหมดขายผลผลิตพริกสด โดยไม่มีการแปรรูป โดยมีผู้รวบรวมผลผลิตมารับซื้อที่

                 แปลงปลูกของเกษตรกร


                        5.1.2 ผลผลิต ต้นทุนการผลิต และรายได้ของเกษตรกร

                        ผลผลิตต่อไร่ของเกษตรกรกลุ่ม  Non-GAP  สูงกว่ากลุ่ม GAP  ประมาณร้อยละ 15.28 แต่ต้นทุนการ

                 ผลิตต่อไร่ของเกษตรกรกลุ่ม   GAP  กลับตํ่ากว่ากลุ่ม Non-GAP  ประมาณร้อยละ 15.60 โดยมีค่าปุ๋ ย สารเคมี

                 ตํ่ากว่า กลุ่ม Non-GAP ถึงร้อยละ 7.43 แม้ว่ารายได้ต่อไร่ของเกษตรกรกลุ่ม  Non-GAP จะสูงกว่ากลุ่ม GAP
                 ประมาณ ร้อยละ 8.91 อย่างไรก็ตาม เมื่อดูที่รายได้สุทธิแล้วเกษตรกรกลุ่ม  GAP  กลับมีรายได้สุทธิต่อไร่สูง

                 กว่าเกษตรกรกลุ่ม  Non-GAP  ถึง ร้อยละ 32.79 เมื่อพิจารณาต้นทุนการผลิตของเกษตรกรทั้ง  2  กลุ่ม พบว่า

                 ค่าจ้างเก็บพริกเป็นต้นทุนที่สูงมาก และ  คือ ร้อยละ 47 ในกลุ่ม GAP และร้อยละ 42 ในกลุ่ม Non-GAP ส่วน
                 ค่าปุ๋ ย สารเคมีมีต้นทุนสูงเป็นลําดับสอง คือ ร้อยละ 39.9 และร้อยละ 45.3


                        5.1.3 การยอมรับการผลิตพริกระบบปลอดภัยของกลุ่ม GAP


                        เกษตรกรยอมรับการปลูกพริกระบบปลอดภัย (GAP) โดยเกษตรกรมองถึงความปลอดภัยของตนเอง

                 และผู้บริโภคเป็นอันดับแรก รองลงไป ได้แก่ ราคาผลผลิตที่สูงกว่า ต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่า มีตลาดรับซื้อที่
   136   137   138   139   140   141   142   143   144   145   146