Page 25 -
P. 25
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พลวัตของความยากจน
2.1 การทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง
การทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้องเริ่มจากการให้คำนิยามความยากจน จากนั้นจึงทบทวนงาน
วิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับพลวัตของความยากจนในประเทศกำลังพัฒนา การแจกแจงลักษณะและ
ประเภทของพลวัตความยากจน และปัจจัยที่ก่อให้เกิดพลวัตความยากจน
2.1.1 นิยามและการวัดความยากจน
ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา นิยามความยากจนได้รับการพัฒนาโดยการตีความให้มี
ความหมายที่กว้างและครอบคลุมมากขึ้น ในช่วงก่อนศตวรรษ 1900s ความยากจนเริ่มต้น
จากความหมายแคบ หมายถึง ความขาดแคลนสิ่งจำเป็นในระดับที่ทำให้ไม่สามารถยังชีพได้
(subsistence level) โดยสะท้อนจากความขาดแคลนระดับสารอาหารขั้นต่ำสุดที่ร่างกายมนุษย์
ต้องการและถูกวัดออกมาในรูปตัวเงิน นั่นคือการพิจารณาที่ระดับรายได้ของบุคคลที่ไม่เพียงพอ
กับการดำรงชีพตามมาตรฐานขั้นต่ำ (Booth, 1889: Rowntree, 1901) Booth (1889) ได้ทำการศึกษา
ความยากจนของครัวเรือนในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยสร้างเส้นความยากจนขึ้นเพื่อ
วัดระดับความต้องการขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ต้องการในการดำรงชีพและวัดออกในรูปตัวเงิน ผู้ที่มี
รายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนดังกล่าวถือเป็นผู้ที่ตกอยู่ความยากจน งานของ Booth ได้รับการ
พัฒนาในช่วงต่อมาโดย Rowntree (1901) ซึ่งศึกษาความยากจนในกรุงยอร์ก ประเทศอังกฤษ
โดย Rowntree วัดความยากจนโดยสร้างเส้นความยากจนเช่นกัน แต่ได้แบ่งความยากจนออก
เป็นสองระดับ คือ ความยากจนระดับแรก หมายความถึงผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงการใช้ทรัพยากร
ต่างๆ ที่จะนำมาตอบสนองความต้องการขั้นต่ำของร่างกายที่พึงจะมีเพื่อการดำรงชีพได้ และ
ความยากจนระดับสอง หมายถึงผู้ที่มีทรัพยากรแต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านั้น
เพื่อดำรงชีพได้ ทั้งสองกลุ่มถือว่าเป็นผู้ที่ตกอยู่ในความยากจนตามคำนิยามของ Rowntree
ต่อมาในทศวรรษที่ 1970 ความยากจนถูกตีความให้มีความหมายเพิ่มขึ้นเป็นความ
ขาดแคลนสิ่งที่เป็นความจำเป็นพื้นฐาน (basic needs) ซึ่งรวมถึงเครื่องนุ่งห่ม สุขภาพอนามัย
และที่อยู่อาศัย หลังจากนั้น ในช่วงทศวรรษที่ 1990 เริ่มมีการถกเถียงของนักวิชาการในวงกว้างถึง
ข้อจำกัดของแนวคิดนิยามความยากจนแบบแคบที่ให้ความสำคัญต่อความยากจนในรูปของตัว
เงินหรือรายได้เพียงอย่างเดียว โดยเห็นว่าความยากจนในรูปของรายได้ไม่สามารถสะท้อนภาวะ
ความขาดแคลนของบุคคลได้ครบถ้วนสมบูรณ์ จึงได้กำหนดนิยามของความยากจนในความ
หมายที่กว้างขึ้นซึ่งครอบคลุมวิถีชีวิตความเป็นอยู่และความอยู่ดีมีสุขได้มากขึ้นทั้งมิติเศรษฐกิจ
สังคม วัฒนธรรมและการเมือง (UNDP, 1991 และ World Bank 2000) โดยแนวคิดที่มีอิทธิพล
24 สถาบันคลังสมองของชาติ