Page 81 -
P. 81
ิ
ิ
ื
์
ุ
ั
ิ
ิ
โครงการพัฒนาหนังสออเล็กทรอนกสเฉลมพระเกียรต สมเด็จพระเทพรตนราชสดาฯ สยามบรมราชกุมาร ี
ข้อห้ามยกข้อต่อสู้ตามมาตรา 916 นี นาไปใช้กับทั้งตั๋วเงินชนิดระบุชือ และชนิดผู้ถือ ด้วย
่
้
็
ดังนั้น หากเปนผู้ทรงตั๋วผู้ถือที่ได้รับโอนตั๋วมาจากบุคคลอืน ผู้ทรงก็ยังได้รับความคุ้มครองตามมาตรา
่
916 เช่น
่
ค ำพิพำกษำฎกำท 8296/2551 เช็คที่จ าเลยที 1สั่งจายให้แก่ผู้ถือย่อมโอนไปเพียงด้วยการส่ง
ี
ี
่
่
็
มอบให้แก่กันตามมาตรา 918, 989 โจทก์ผู้รับโอนเช็คจึงเปนผู้ถือและเปนผู้ทรงตามมาตรา 904 มี
็
้
้
้
ี
อ านาจฟองให้จ าเลยทั้งสองรับผิดตามเช็คได้ จ ำเลยทั้งสองถูกฟองในมลหนตำมตั๋วเงิน คือ เช็ค ไม่
ู
้
้
้
่
้
้
ื
ี่
อำจตอสูผูทรงคอโจทก์ดวยข้อตอสูอันอำศัยควำมเกยวพันเฉพำะบุคคลระหว่ำงตน (ผูสั่งจ่ำย)
่
่
่
่
้
กับ จ. ผูทรงคนกอน...ตามค าให้การของจ าเลยทั้งสองให้การเพียงว่า จ าเลยที 1 สั่งจายเช็คให้ จ. โดย
็
้
็
้
ไม่มีมูลหนี แต่เปนการค าประกันในการเล่นแชร์ระหว่างกัน ค าให้การดังกล่าวมีลักษณะเปนการกล่าวถึง
่
่
็
่
็
ความสัมพันธ์ระหว่างจ าเลยที 1 ซึงเปนผู้สั่งจายเช็คกับ จ. ซึงเปนผู้ทรงคนก่อน ฉะนั้น จ าเลยจะยก
่
้
่
้
ความสัมพันธ์ดังกล่าวขึนเปนข้อต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คว่า เช็คไมมีมูลหนีต่อกันไมได้ต้องห้ามตาม
่
็
บทบัญญัติดังกล่าว
ี
่
ี
้
ค าพิพากษาฎีกาฉบับนีก็มีความคล้ายคลึงกับค ำพิพำกษำฎกำท 3213/2538 แต่เช็คในคดีนี ้
่
่
้
เปนเช็คผู้ถือ จะเห็นได้ว่าในคดีนีจ าเลยที 1 ผู้สั่งจ่ายได้สั่งจายเช็คให้ จ. เพือค ้าประกันการเล่นแชร์ และ
่
็
่
ต่อมามีการโอนเช็คดังกล่าวไปยังโจทก์ เมือโจทก์ไมได้รับการช าระหนีตามเช็ค โจทก์จึงนาเช็คมาฟอง
่
้
้
่
่
้
่
จ าเลยในฐานะผู้สั่งจายซึ่งปฏิเสธว่าตนไมต้องช าระหนีเพราะการจายเช็คนั้นไมมีมูลหนีแล้ว ศาลเห็นว่า
่
้
็
็
ั
้
้
ี
กรณีนเปนการยกความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถูกฟองคดีกับผู้ทรงคนก่อนมาต่อสู้ผู้ทรงคนปจจุบันอันเปนการ
ต้องห้ามตามมาตรา 916
ี
ี่
่
่
้
่
นอกจากนีในค ำพิพำกษำฎกำท 3763/2554 จ าเลยที 1 อ้างว่า จ าเลยที 1 สั่งจายเช็คพิพาท
็
่
้
่
เพือเปนการค าประกันการนาแหวนเพชรของ อ. มาขาย และจ าเลยที 1 ได้ช าระเงินค่าแหวนเพชรให้แก่
่
่
่
้
อ. เสร็จสินแล้ว จ าเลยที 1 กับ อ. จึงไมมีหนีต่อกัน เปนการยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกียวพันระหว่าง
็
้
่
่
จ าเลยที 1 กับ อ. ซึงจ าเลยที 1 ไมอาจยกขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ อีกทั้งจ าเลยทั้งสองไมได้ให้การชัดแจ้งว่า
่
่
่
โจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทโดยการคบคิดกันฉอฉลกับผู้ทรงคนก่อนอย่างไร ฉะนั้น จ าเลยที 1 จะยกขึ้น
้
่
้
็
เปนข้อต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คพิพาทว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนีต่อกันไม่ได้ ต้องห้ามตามมาตรา 916
่
้
่
็
จากค าพิพากษาฎีกานีจะเห็นได้ว่า จ าเลยที 1 เปนผู้สั่งจายออกเช็คเพือประกันหนีทีตนมีต่อ อ.
่
้
่
่
้
้
และจ าเลยที 1 ได้ช าระหนีให้ อ. เรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฎว่า เช็คนีได้มีการโอนต่อไปยังโจทก์ โจทก์นา
เช็คไปเรียกเก็บเงิน แต่ไมสามารถเก็บเงินได้ โจทก์จึงมาฟองให้จ าเลยที 1 รับผิดในเช็ค แต่จ าเลยที 1
่
่
่
้
ปฏิเสธว่าตนเองไม่ต้องรับผิดในเช็คเพราะตนเองได้ช าระหนให้ อ. ซึงเปนผู้ทรงคนก่อนเรียบร้อยแล้ว ใน
็
้
ี
่
้
็
ประเด็นนี ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีนีเปนกรณีทีจ าเลยที 1 ยกข้อต่อสู้ทีตนมีต่อ อ. (ผู้ทรงคนก่อน) มาต่อสู้
้
่
่
่
่
็
โจทก์ซึงเปนผู้ทรงคนปจจบัน ข้อต่อสู้เช่นนเปนข้อต่อสู้ทีต้องห้ามตามมาตรา 916 เช่นกัน
่
็
้
ี
ั
ุ
80
เอกสารประกอบการสอนวิชากฎหมายว่าด้วยตั๋วเงิน โดย อ. ดร. ชีวิน มัลลิกะมาลย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์