Page 83 -
P. 83
ิ
์
ิ
ิ
โครงการหนังสออเล็กทรอนกสด้านการเกษตร เฉลมพระเกียรตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ื
ิ
68
ในการอนุญาตนั้น กรมป่าไม้ได้ออกระเบียบกรมป่าไม้ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการอนุญาตให้ทำ
ประโยชน์และอยู่อาศัยภายในเขตปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2530 บัญญัติให้การขออนุญาตจะต้องเป็น
กรณีที่ผู้ขออนุญาตได้ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ที่ขออยู่แล้วก่อนวันที่ 1 มกราคม 2535 และยังคงทำ
ประโยชน์หรืออยู่อาศัยต่อเนื่องจนถึงวันที่ประกาศกำหนดเขตปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติ (ข้อ 6) ซึ่งสอคดล้อง
กับมาตรา 16 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2528
พื้นที่ที่จะขออนุญาตให้ทำประโยชน์และอยู่อาศัยในเขตปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติ จะต้องมีลักษณะ
ดังต่อไปนี้ (ข้อ 7)
(1) เป็นพื้นที่ที่ได้ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยอยู่แล้ว
(2) ไม่เป็นพื้นที่ป่าซึ่งใช้ในการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการป่าไม้
(3) ไม่อยู่ในพนที่ป่าที่มีสภาพเป็นต้นน้ำลำธาร ชั้น 1A ตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ
ื้
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2528 และตามที่คณะรัฐมนตรีจะได้มีมติต่อไปด้วย
(4) ไม่เป็นบริเวณที่มีทิวทัศน์สวยงามอันควรรักษาไว้
(5) ไม่เป็นพื้นที่ซึ่งได้ทำการปลูกสร้างสวนป่า หรือได้รับอนุมัติโครงการสำหรับปลูกป่าระยะ 5 ปีไว้
แล้ว
จากการทบทวนบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 จึงสรุปได้ว่า
(1) มาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.
2559 เป็นบทบัญญัติที่ใช้เป็นฐานอำนาจในการจัดที่ดินตามนโยบาย คทช. แต่เป็นการกำหนดให้การอนุญาต
ให้ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยจะอนุญาตให้แก่บุคคล มิได้มีการรองรับสิทธิของชุมชนหรือกลุ่มราษฎร
สำหรับกรณีการอนุญาตให้ทำประโยชน์และอยู่อาศัยในเขตปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติ ตามมาตรา 16
ทวิ และมาตรา 16 ตรี แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.
2528 นั้น ไม่มีกำหนดวัตถุประสงค์ไว้เป็นการเฉพาะเจาะจงเพอการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล
ื่
หรือตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
(2) ระเบียบคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.
2563 ซึ่งอออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และที่แก้ไข
เพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 เปิดช่องให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือกลุ่มสหกรณ์หรือกลุ่มราษฎร เป็นผู้รับ
อนุญาตตามนโยบายของ คทช. ได้ แต่กลุ่มดังกล่าวจะต้องรวมตัวกันเกิน 10 คน และต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคล
ซึ่งได้รับการรับรองจากผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหน่วยงานราชการอื่น หรืออาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ซึ่งโดยหลักการแล้วถือว่าเป็นตัวแทนของคนในชุมชน เป็นผู้รับอนุญาตก็ได้
(3) การอนุญาตทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 นี้ ผู้ที่
ได้รับอนุญาต (ซึ่งรวมถึงผู้ได้รับจัดที่ดินตามนโยบาย คทช.) จะไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินอยู่แล้ว แต่การอนุญาต