Page 24 -
P. 24

ิ
                                           ิ
                              ื
                                                                                ิ
                                               ์
              โครงการหนังสออเล็กทรอนกสด้านการเกษตร เฉลมพระเกียรตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
                                                                   ิ
               พบว่าโครงการรับจำนำข้าวทำให้ค่าเช่านาในพื้นที่เขตภาคกลางเพิ่มขึ้นจาก 800-1,000 บาทต่อไร่ต่อปี เป็น
               มากกว่า 1,000 บาทต่อไร่ต่อปี และยังมีส่วนทำให้ราคาปุ๋ยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นด้วย


                       ในปีถัดมา นิพนธ์ พัวพงศกร และคณะ (2557) ได้สร้างแบบจำลองตลาดข้าวไทยในช่วงที่มีโครงการรับ
               จำนำข้าวระหว่าง ตุลาคม 2554 ถึง เมษายน 2557 ซึ่งการวิเคราะห์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงระหว่าง
               เดือนตุลาคม 2554 ถึง ตุลาคม 2556 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดข้าวไทยมี 2 ราคา และช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน

               2556 ถึง เมษายน 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดข้าวไทยมีราคาเดียวเนื่องจากช่วงนี้รัฐบาลเร่งระบายข้าวเพื่อหาเงินคืน
               ให้ชาวนาที่นำข้าวมาขายให้รัฐบาลทำให้ราคาข้าวส่งออกและราคาขายปลีกในประเทศมีราคาใกล้เคียงกัน ผล
               การศึกษาพบว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับรายได้เพิ่มขึ้นมูลค่าเท่ากับ 2.96 แสนล้านบาท
               โดยถ้ารวมประโยชน์ของโครงการฯ ทางอ้อมที่ทำให้เกษตรกรที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น

               ผลประโยชน์รวมจะมีมูลค่าเท่ากับ 5.61แสนล้านบาท แต่ประโยชน์ส่วนใหญ่ตกเป็นของชาวนารายกลางและราย
               ใหญ่ซึ่งอาศัยในเขตชลประทานของภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง

                       งานวิจัยข้างต้นสอดคล้องกับงานศึกษาของ วิษณุ อรรถวานิช (2558) ซึ่งประยุกต์ใช้วิธีการแมทชิ่งโดยใช้

               คะแนนความโน้มเอียง (Propensity Score Matching หรือ PSM) เพื่อขจัดปัญหาการโอนเอนในการคัดเลือก
               งานศึกษานี้ได้วิเคราะห์ครอบคลุม 3 ปีการเพาะปลูก (2553/54 2554/55 และ 2555/56) และฤดูจำนำข้าว 4 ฤดู
               โดย กรณีการประเมินผลกระทบโดยรวมของโครงการฯ ต่อผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ พบว่า โครงการฯ มีส่วนช่วยให้

               รายรับทางตรงจากการเกษตรของฟาร์มขนาดเล็กเพิ่มขึ้น 10,169.16 – 12,030.03 บาทต่อฟาร์มต่อปี ขณะที่
               ฟาร์มขนาดกลาง และฟาร์มขนาดใหญ่ มีรายรับทางตรงจากการเกษตรเพิ่มขึ้น 45,522.06 – 47,172.48 บาทต่อ
               ฟาร์มต่อปี และ 169,537.80 – 194,747.45 บาทต่อฟาร์มต่อปี ตามลำดับ สำหรับด้านรายรับทางตรงสุทธิของ
               ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการ พบว่า โครงการฯ มีส่วนช่วยให้รายรับทางตรงสุทธิจากการเกษตรของฟาร์มขนาดเล็ก
               เพิ่มขึ้น 8,622.49 – 10,056.85 บาทต่อฟาร์มต่อปี ขณะที่ฟาร์มขนาดกลาง และฟาร์มขนาดใหญ่มีรายรับทางตรง

               สุทธิจากการเกษตรเพิ่มขึ้น 41,641.09 – 43,410.09 บาทต่อฟาร์มต่อปี และ 125,477.41 – 156,314.80 บาท
               ต่อฟาร์มต่อปี ตามลำดับ และพบว่าโครงการฯ สามารถช่วยให้ความน่าจะเป็นในการเป็นหนี้ของเกษตรกรลดลง
               ระหว่าง 0.011 – 0.023


                       เมื่อพิจารณาผลกระทบของโครงการรับจำนำข้าวต่อศักยภาพในการทำกำไรของการทำนาข้าวของ
               ประเทศไทย Attavanich (2016) ได้ประยุกต์ใช้วิธีเดียวกับ วิษณุ อรรถวานิช (2558) และพบว่า โดยภาพรวม
               โครงการรับจำนำข้าวช่วยเพิ่มรายได้สุทธิทางตรงของเกษตรกรที่เข้าร่วมโดย 175.12 - 194.82 ดอลลาร์สหรัฐต่อ

               เฮกตาร์ และเมื่อคำนึงถึงผลกระทบของโครงการรับจำนำข้าวที่อาจจะส่งผลกระทบที่แตกต่างกันตามขนาดของ
               ฟาร์ม งานศึกษาชิ้นนี้พบว่า กลุ่มเกษตรกรรายเล็กที่มีขนาดฟาร์มไม่เกิน 6.25 ไร่ จะมีรายได้สุทธิทางตรงเพิ่มขึ้น
               มากที่สุดเมื่อเทียบกับฟาร์มขนาดกลาง (6.26-20 ไร่) และขนาดใหญ่ (ตั้งแต่ 20 ไร่ ขึ้นไป) โดยมีรายได้สุทธิ
               ทางตรงเพิ่มขึ้น 404.41 - 439.85 ดอลลาร์สหรัฐต่อเฮกตาร์ ขนาดที่ฟาร์มขนาดกลางจะมีมีรายได้สุทธิทางตรง

               เพิ่มขึ้น 139.80 - 213.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อเฮกตาร์ และฟาร์มขนาดใหญ่จะมีมีรายได้สุทธิทางตรงเพิ่มขึ้น 138.82
               - 173.34 ดอลลาร์สหรัฐต่อเฮกตาร์ เนื่องจากโครงการรับจำนำข้าวในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้น


                                                              6
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29