Page 126 -
P. 126

ุ
                                                       ั
                  ื
                              ์
                                          ิ
                            ิ
                                 ิ
                    ิ
       โครงการหนังสออเล็กทรอนกส เฉลมพระเกียรตสมเด็จพระเทพรตนราชสดาฯ สยามบรมราชกุมาร ี
                                                      หลักฐานล้านนาในเอกสารโบราณจีน
          น่าน่าจะเป็นการถ่ายถอดเสียงค าว่าล้านนา ในเอกสารประวัติศาสตร์จีนเล่มต่างๆ มีเอ่ยถึง
          เตาหล่านน่าหลายครั้ง ในยุคสมัยต่างกัน อาจเป็นค าเรียกรวมมากกว่าชื่อเฉพาะ
                              ิ
                 7. มู่ฉง(沐琮)มีชีวตอยู่ระหว่างปี ค.ศ.1450 – ค.ศ.1496 / พ.ศ.1993 – พ.ศ.2039
          เป็นบุตรของมู่ปิน(木斌) ปู่คือมู่เซิ่ง มู่ฉงสืบบรรดาศักดิ์เป็นเฉียนกั๋วกงในปี ค.ศ.1456 /

          พ.ศ.1999 รักษายูนนานต่อจากบิดา
                8. ไฉ่ปี้(彩币)หมายถึงซู่ปั๋ว(束帛)ซู่หมายถึงมัด ซู่ปั๋วคือผ้าห้าพับที่มัดรวมกัน

          เป็นเครื่องพิธีใชเป็นของขวัญหรือของปลอบใจ ค าว่าปั๋วเป็นค าเรียกรวมของผ้า สมัยโบราณ
                     ้
                                                      ิ
          ผ้ามักใช้แทนเงนหรือปี้ จึงเรียกว่า ไฉ่ปี้ แปลตามรูปศัพท์คือเงนที่มีสีสัน  ในที่นี้จะแปลค าว่า
                    ิ
          ไฉ่ปี้ด้วยการทับศัพท์แล้ววงเล็บว่าผ้า ส่วนค าว่าปั๋วจะแปลว่าผ้า
                                                                          ่
                9. จยาจิ้ง(嘉靖)เป็นรัชศกของจักรพรรดิหมิงเซี่ยนจง(明宪宗)หมายถึงชวง
          ระหว่าง ค.ศ.1522 - ค.ศ.1566 / พ.ศ.2065 - พ.ศ.2109

                10. วังเหวินเซิ่ง(汪文盛)ขุนนางสมัยราชวงศ์หมิง ปีที่ 15 แห่งรัชศกจยาจิ้ง (ค.ศ.
          1536 / พ.ศ.2079) มาเป็นสวินฝู่ (ผู้ตรวจราชการ) ที่ยูนนาน เวลานั้นมู่เฉาฝู่(沐朝辅) ซึ่ง

          สืบบรรดาศักดิ์เฉียนกั๋วกงอายุยังน้อย วังเหวินเซิ่งจึงเป็นผู้ตัดสินใจด้านการทหารแทน

                11. สวินฝู่ (巡抚)ต าแหน่งขุนนางระดับสูงผู้ก ากับท้องที่ แปลตามรูปศัพท์คือตรวจ

          การและปลอบขวัญ ในสมัยจักรพรรดิหมิงไท่จู่ ปฐมจักรพรรดิราชวงศ์หมิง ยกเลิกต าแหน่ง
          อัครมหาเสนาบดีและปรับระบบราชการส่วนท้องที่ แยกอ านาจบริหารมณฑลต่างๆ ที่เคยรวม

          ศูนย์ให้แตกเป็นสามส่วนคือทหาร บริหาร และตุลาการ ให้มีผู้รับผิดชอบแยกฝ่าย แต่ละฝ่าย
          ขึ้นตรงต่อส่วนกลาง ต่อมาปี ค.ศ.1391 / พ.ศ.1934 จักรพรรดิหมิงไท่จู่ส่งรัชทายาทไปสวินฝู่

          (ตรวจท้องที่ ปลอบขวัญทหารและราษฎร์) ต่อมาก็มักส่งขุนนางต าแหน่งต่างๆ ไป “สวินฝู่”
          ท้องที่ต่างๆ พอถึงรัชกาลหมิงเซวียนจง แต่ละท้องที่ก็มีสวินฝู่ประจ า ท าหน้าที่ควบคุมการ

          ท างานของขุนนางที่ดูแลการทหาร บริหาร และตุลาการอีกที เท่ากับกุมอ านาจใหญ่ในมือ ใน


                                          99
   121   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131