Page 236 -
P. 236

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว







                        • แร่ธาตุเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร จะแตกตัวได้เป็นประจุอิสระ ซึ่งแร่ธาตุ

                  บางชนิดจะมีคุณสมบัติในการแก่งแย่งระหว่างกันในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากต้องใช้ตัว

                  พา (carrier) ตัวเดียวกันในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ถ้าหากแร่ธาตุชนิดใดมีปริมาณมากจะทำให้


                  การดูดซึมแร่ธาตุชนิดอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันลดลง ตัวอย่างเช่น แคลเซียม กับ สังกะสี หากอา-

                  หารมีแคลเซียมในระดับสูงจนเกินไป มีผลทำให้การดูดซึมแร่ธาตุสังกะสีในอาหารลดลง สัตว์จะ

                  แสดงอาการขาดสังกะสีแม้ว่าในอาหารจะมีสังกะสีเพียงพอก็ตาม

                        • แร่ธาตุที่อยู่ในรูปประจุอิสระจะสามารถจับกับสารอาหาร เกิดเป็นสารประกอบที่ไม่


                  สามารถดูดซึมได้ เช่น การจับกับกรดไฟติคในอาหารกับแร่ธาตุเกิดเป็นสารไฟเตท (phytate:

                  รูปที่ 12-6) มีผลทำให้การใช้ประโยชน์ของแร่ธาตุลดลง และเพิ่มการขับแร่ธาตุออกทางมูล ซึ่ง

                  ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม


















                                               รูปที่ 12-4: โครงสร้างของไฟเตท

                                               ที่มา: Erdman (1979)


                  ในปัจจุบันจึงได้มีการผลิตแร่ธาตุในรูปที่จับกับสารประกอบอินทรีย์ เช่น เปปไทด์สายสั้น


                  กรดอะมิโน หรือไวตามินบางชนิดด้วยพันธะโควาเลนท์ (covalent bond) ซึ่งเป็นพันธะที่มี

                  ความเสถียรมาก (รูปที่ 12-5) ทำให้แร่ธาตุมีความคงตัวสูง ลดโอกาสที่จะไปจับกับสารอื่น ๆ

                  หรือการแก่งแย่งกันเองในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้สัตว์สามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น จึง

                  สามารถลดปริมาณการใช้ในสูตรอาหารลง แร่ธาตุในรูปสารประกอบอินทรีย์นี้เรียกว่า แร่ธาตุ





                  วัตถุดิบอาหารสัตว์                                                              233
   231   232   233   234   235   236   237   238   239   240   241