Page 53 -
P. 53
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2-19
5 จังหวัด และมีเปนแถบเล็กๆ ระหวาง ชายแดนประเทศไทยกับกัมพูชา ครั้งหนึ่งปาชนิดนี้เคยมีมากในภาค
อีสานและภาคกลาง
ปาผลัดใบในประเทศมีจํานวนชนิดพืชนอยกวาปาดงดิบ ที่สําคัญคือเบญจพรรณผลัดใบ
(Mixed Deciduous Forest) ซึ่งนอกจากมีไมมีคา เชน สัก แดง ประดู มะคา ตะแบก แลว ยังมีไมไผนานาชนิด
มีพืชที่เปนอาหารได หลายอยาง ทั้งที่เปนใบ ดอก ผล เห็ดและพืชหัว เชน มัน กลอย ปาชนิดนี้ไมมีตนไมใน
วงศไมยาง เนื่องจากมีไมมีคา ดินก็ดีปาชนิดนี้จึงถูกรบกวน ทําลาย เปลี่ยนเปนไรออย ไรสับปะรด ยาสูบ และ
นาขาว ปจจุบันจะหาปาที่สมบูรณมีนอยมาก โดยเฉพาะอยางยิ่งปาไมสักที่มีสภาพดีแทบจะหาไมไดแลว
ปาชนิดนี้มักอยูไมเกิน 700 เมตร พบตามภูเขาตางๆ ในภาคเหนือ ปาสักโดยทั่วไปแลวมีตนสัก อยูเพียง
10-20% บริเวณที่มีไมสักอุดมสมบูรณ มักอยูใกลลําน้ํา บนภูเขามีตนสักไมมาก ปาสักผืนใหญผืนสุดทายอยูที่
ลุมแมน้ํายม ซึ่งกําลังจะสรางเขื่อนในบริเวณ ดังกลาว
ปาผลัดใบที่สําคัญอีกอยางหนึ่งคือปาเต็งรัง (Dry Dipterocarp Forest) เปนปาโปรงผลัดใบ
มีไมวงศยางที่สําคัญคือ เต็ง รัง เหียงและพลวงและพบพรรณไมยาง ไมผลัดใบที่กระจายจากตะวันตก
สูตะวันออก (Indo Burma element)คือ ตนพะยอม และไมวงศยางที่กระจายจากตะวันออกสูตะวันตก
(Indo-Chinese element) คือ ตนยางกราด ปาเต็งรังความจริงพบเฉพาะในเขมร ลาว ไทย พมา เทานั้น
ปรกติมักไมพบไมไผในปาชนิดนี้ ยกเวนหญา เห็ด โจด ปาชนิดนี้ทนตอการตัดฟน ใหไมใชสอย เชน ฟน ใบตอง
ตึง และอาหาร เชน ผักหวาน เห็ดชนิดตางๆ ปาชนิดนี้มีมากในอีสานและภาคเหนือ แตถูกทําลาย ที่ใดเปนที่
ราบเปลี่ยนเปนนาขาว ที่ดอนก็เปลี่ยนเปนไรปอ ไรมันสําปะหลัง ปาเต็งรังพบมากในที่ราบสูงโคราช สวนใน
ภาคเหนือก็อยูตามภูเขามักไมเกินระดับ 1,000 เมตร ในระดับสูง 1,000 จะพบไมสนสองใบเขามาปะปนอยูดวย
ในที่สูงเกิน 1,000 เมตร มักพบปาดิบเขาซึ่งรวมพืชเขตอบอุน (Temperate) ไวถึง 59 ชนิด
ไมกอของไทยมีถึง 94 ชนิด หรือประมาณรอยละ 19 ของไมกอทั้งหมดในเอเชียอาคเนย ปาดิบเขาในแตละ
ภาคไมเหมือนกัน ปาดิบเขาในทางภาคเหนือไดรับอิทธิพลของพันธุพืชเขตเทือกเขาหิมาลัยและจีนใตภาคอีสาน
ไดรับอิทธิพลของพันธุพืชเขตเทือกเขาอันนัมและจีนใต ภาคตะวันออกเฉียงใตไดรับอิทธิพลของพันธุพืช
เทือกเขาพนม กระวานและเขมรต่ําสวนภาคใตไดรับอิทธิพลของพันธุพืชเขตมาเลเซีย ปาดิบเขามีตนไมในวงศ
ไมกอ (Fagaceae) และในวงศอบเชย (Lauraceae) เปนพืชเดน ไมในวงศยางไมมี และพบไมพวกสน
โดยเฉพาะอยางยิ่งสนสามใบอยูเปนหยอมๆ
ปาบนเขาหินปูนก็มีลักษณะพิเศษ มีการศึกษากันนอย ภูเขาหินปูนของดอยเชียงดาวมีสังคม
พืชกึ่งอัลไพน ซึ่งประกอบดวยพืชลมลุกและไมพุมภูเขาหินปูนที่มีลักษณะแบบ Karst ซึ่งมีกระจัดกระจายใน
ภาคกลางและภาคใตจะมีปาแคระ จํานวนชนิดพืชมีหลายอยาง และมีเปอรเซ็นตพืชประจําถิ่นสูง พืชพื้นลางมี
หลายชนิด เชนรองเทานารีชนิดตางๆ และพวกปาลม
ปาที่น้ําจืดทวมถึง ปจจุบันมีเหลือนอยมาก ปาชนิดนี้เมื่อกอนอยูตามแมน้ําใหญๆ
เชน ลุมแมน้ําเจาพระยา ลุมแมน้ําตาป สังคมพืชน้ําทวมถึงลุมแมน้ํามูล ชาวบานเรียกวา ปาบุง ปาทาม มีไม
พุม หวาย เหลืออยูนอยมากในภาคใตตอนลางมีปาพรุ (Peat Swamp Forest) ซึ่งมีลักษณะเปนกรดจัดมี
หวายตะคราทอง หมากแดง สะทอนนก ความจริงปาชนิดนี้มีพืชชั้นสูงไมนอยกวา 300 ชนิด มีพืชในวงศปาลม
และหวายถึง 13 ชนิด ปาพรุปจจุบันเหลือเพียงเล็กนอยในจังหวัดนราธิวาส และถูกรบกวนเปลี่ยนสภาพไปมาก
ปาชายเลนตามชายฝงทะเลมีพรรณไมถึง 74 ชนิด เคยมี 2.3 ลานไร เปนปาที่นาเปนหวง
ถูกทําลายไปแลวเกือบครึ่งหนึ่ง สวนใหญเปนผลมาจากการทําฟารมเลี้ยงกุง การทําเหมืองแร นาเกลือ
การขยายเมืองและโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนี้การควบคุมการทําไมก็ยังขาดประสิทธิภาพ ทําใหปาเสื่อมโทรม
ไปมาก ปาชายเลนนอกจากมีคุณคาในตัวเองแลว ยังมีสวนเกื้อกูลในการรักษาความอุดมสมบูรณของทรัพยากร