Page 145 -
P. 145
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร
๘. สระเอือ ประกอบด้วยสระอือ สระเอ พยัญชนะต้น ตัว อ เรียงกันไป โดยตัว
อักษรแต่ละตัวเชื่อมกับตัวที่อยู่ถัดไปข้างหลังตามลำาดับ เช่น เมือง เขียนเป็น เมอ ง และ
ื
เมือ เขียนเป็น เมอ อ มี อ มาเคียงแทนตัว ง สะกด
ื
๙. นฤคหิต ใช้แทนตัว ม สะกด เช่น ชำ แทน ชม แต่รูปเป็นครึ่งวงกลมควำ่าลง
แทนที่จะเป็นวงกลมทั้งวง
๑๐. สระเอีย ประกอบด้วย สระอี พยัญชนะต้นตัว ย เรียงกันไป โดยแต่ละตัวเชื่อม
กับตัวที่อยู่ถัดไปข้างหลังตามลำาดับ และมีตัว ย เคียงอีกตัวหนึ่ง แต่วางไว้ห่างออกไป เช่น เมีย
เขียนเป็น มย ย
ี
เมื่อมีตัวสะกด เช่น เวียง เขียนเป็น วย ง โดยตัดสระอี และเอาตัวสะกดไปแทนตัว ย
เคียง ทั้งนี้คงจะเป็นเพราะออกเสียงวะยงเร็วๆ ก็ฟังคล้ายเวียงอยู่แล้ว
๑๑. สระลอยมีเพียงตัวเดียว คือ สระอี แต่ในศิลาจารึกหลักที่ ๓ พ.ศ. ๑๙๐๐
มีสระลอยสองตัวคือสระอีและสระอือ
ตัวพยัญชนะไทยซึ่งมีอยู่ทั้งหมด ๔๔ ตัว นั้นปรากฏอยู่ในศิลาจารึกหลักที่ ๑ เพียง
๓๙ ตัว ขาด ฌ ฑ ฒ ฬ และ ฮ แต่เชื่อได้ว่า ๔ ตัวแรกคงจะมีใช้อยู่แล้ว เพราะ ฌ ปรากฏ
อยู่ในศิลาจารึกหลักที่ ๒ ซึ่งสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. ๑๙๐๒ - ๑๙๑๒ ส่วน ฑ ฒ และ ฬ
ปรากฏในยุคอยุธยา แต่ ฮ ไม่ปรากฏในจารึกสมัยสุโขทัยและอยุธยาเลย แม้ตัวหนังสือที่
ลาลูแบร์รวบรวมไว้สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ไม่มีตัว ฮ ฉะนั้น ฮ จึงน่าจะเกิดขึ้นใหม่
ในยุคปลายอยุธยา ยุคธนบุรีหรือยุครัตนโกสินทร์นี่เอง นายฉำ่า ทองคำาวรรณ เคยรายงานไว้ว่า
มีตัว ฮ ในจารึกลานทองสุโขทัย พ.ศ. ๑๙๑๙ ข้อความว่า เหนือฮั่น แต่ผู้เขียนพยายาม
สอบหาจารึกอยู่สิบกว่าปีเพื่อสอบดูใหม่ เพราะจารึกสุโขทัยหลักอื่นใช้ หั้น หลายแห่ง แต่
ไม่เคยใช้ ฮั่น เลย ข้อความน่าจะเป็น เหนือหั้น มากกว่า ในที่สุดเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้
ช่วยกันสอบทานแล้ว ที่ถูกเป็น เหนือหั้น
ฮ ปรากฏครั้งแรกในนันโทปนันทสูตรคำาหลวง พระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร
พ.ศ. ๒๒๗๙ (พระฮาม)
อักษรสมัยพระเจ้าลิไทย
รูปของอักษรสมัยพระเจ้าลิไทยเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยพ่อขุนรามคำาแหงบ้างเล็กน้อย
แต่อักขรวิธีเปลี่ยนไปมาก
เนื่องจากชาวสุโขทัยเคยอ่านและเขียนหนังสือขอมมาก่อนลายสือไทย และเคยชินกับ
อักขรวิธีแบบวางรูปสระบางตัวไว้ข้างบนและบางตัวไว้ข้างล่างพยัญชนะ เมื่อมาถึงรัชกาล
พระเจ้าลิไทย ชาวสุโขทัยจึงกลับไปใช้วิธีเดิมตามความเคยชิน ดังปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ ๓
143