Page 106 -
P. 106

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
          จารึกชีวิต




          สิ้นกลียุค ก็จะเหลืออายุ ๑๐ ปี ตัวจะเตี้ยเหลือศอกเดียว คลานไป แต่จารึกไม่ได้กล่าวอ้าง
          ถึงเรื่องต้องเอาไม้ไปสอยต้นมะเขือเหมือนอย่างที่คุณตาคุณยายเคยเล่าให้ผมฟังนะครับ

          คุณธนิตก็คัดค้านว่า ถ้าผมอ่านจารึกไม่ผิด คนจารึกก็ต้องจารึกผิด เพราะว่าในพระไตรปิฎก
          อรรถกถาฎีกาบอกว่า เมื่อพระพุทธเจ้ามีพระชนม์ชีพอยู่ คนมีอายุเฉลี่ย ๑๐๐ ปี แต่ว่าใน

          พ.ศ. ๑๐๐ อายุจะลดเหลือ ๙๙ ปี พ.ศ. ๒๐๐ ลดลง ๒ ปี เพราะฉะนั้นเมื่อถึงปี ๑๗๖๒
          ต้องลดไปแล้ว ๑๗ ปี คนควรจะอายุ ๘๓ ไม่ใช่อายุ ๙๙ ปี อย่างที่ว่า ผมก็โกรธว่านี่เท่ากับ

          หาว่าผมอ่านจารึกผิด แต่จารึกเขียนอย่างนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องอ่านจารึกเพื่อเอา
          มาไว้โต้กับคุณธนิต นี่เป็นสาเหตุ ๒ เรื่องที่ทำาให้ผมหันมาศึกษาเรื่องศิลาจารึกประการหนึ่ง

          ก็คือต้องการที่จะอ่านให้ถูกต้องเพื่อจะแก้ที่ศาสตราจารย์เซเดส์อาจจะลำาเอียงไว้ ประการ
          ที่สอง ก็เพื่อเอาไว้เถียงกับคุณธนิตเพราะท่านว่าผมอ่านผิด


                ทีนี้ที่มาสอนในศิลปากรนี้ ก็ท่านสุภัทรดิศทรงขอเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ - ๑๒ บอกว่าให้
          มาสอน ผมก็ปฏิเสธไป ๒ ครั้ง พอครั้งที่ ๓ ไปเป็นนักเรียน วปอ. รุ่นที่ ๑๑ รุ่นเดียวกัน ทำาให้
          สนิทสนมกันมาก ท่านทรงขอให้ผมไปสอนเป็นครั้งที่ ๓ ผมบอกว่า ตราบใดที่มหาฉำ่ายังมี

          ชีวิตอยู่ ผมจะไม่ไปสอนศิลาจารึก เพราะว่ามหาฉำ่านั้นได้อุทิศตัวให้แก่ศิลาจารึก เมื่อ

          ศาสตราจารย์เซเดส์ไป งานที่เงินเดือนเป็นหมื่นที่ศาสตราจารย์เซเดส์ได้ ก็ตกมาเป็นงาน
          ของมหาฉำ่าซึ่งเป็นชั้นจัตวาอันดับหนึ่ง ๒๐ บาท ท่านก็อยู่มาจนเกษียณ ได้เป็นชั้นโท
          เงินเดือน ๑๔๐ บาท อยู่ ๑ เดือน คือมหาฉำ่ามาสอนพิเศษ ท่านไม่ได้บอกลูกศิษย์ลูกหา

          ให้รู้ว่า วันหนึ่งท่านกินข้าวมื้อเดียว ตอนที่จะสอบเป็นชั้นตรี คุณหลวงประดิษฐ์ต้องไปแก้กฎ

          ก.พ. เพื่อให้มหาฉำ่ามีสิทธิ์สอบได้ มหาฉำ่าไม่ยอมสอบ บอกว่าถ้าสอบก็ต้องไปแข่งกับลูกศิษย์
          และท่านก็เป็นราชบัณฑิตสอนปริญญาโท ปริญญาเอก ถ้าท่านไปแข่งกับลูกศิษย์ สู้ลูกศิษย์
          ไม่ได้ แล้วท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะฉะนั้นท่านก็เลยไม่สอบ เมื่อไม่สอบก็ไม่ได้เป็น

          ชั้นตรี คุณธนิต อยู่โพธิ์ ก็เลยต้องสั่งให้มหาฉำ่าเข้าห้องสอบ เป็นคำาสั่งต้องไปนั่งในห้องสอบ

          มหาฉำ่าก็ไปนั่งไม่ทำาอะไรเลย คุณธนิตบอกว่า มหาฉำ่าได้เข้าไปนั่งในห้องสอบ ความรู้มีถือว่า
          สอบผ่านเลยได้เป็นชั้นตรี แล้วผมจะไปแย่งมหาฉำ่าสอนยังไงได้ ท่านสุภัทรดิศทรงชี้แจง
          ว่ามหาฉำ่าสอนจารึกมาสิบกว่าปีทั้งในจุฬาฯ และศิลปากรไม่มีใครอ่านจารึกได้เลย จึงหวัง

          ว่าผม (ที่ไม่เคยเรียนจารึกเลย) ไปสอนเด็กอาจจะอ่านจารึกได้ ท่านก็คิดดี คือคนที่ศึกษา

          เล่าเรียนมาสอนแล้วอ่านไม่ได้ แล้วจะให้คนที่ไม่เคยเรียนไปสอนจะอ่านได้ ท่านก็ทรงคิด
          อย่างนั้น แต่ว่าการที่ท่านทรงให้ผมไปสอนนั้น ผมก็เกี่ยงว่าต้องให้มหาฉำ่าและมหาประสาร
          สอนไปก่อน เพราะผมไปขอมหาประสารให้ไปอ่านจารึกแทนมหาฉำ่า มหาประสารบอกว่า

          มหาฉำ่าอ่านจนตาจะบอดก็ไม่เห็นมีใครดูดำาดูดีอะไร เกษียณไปแล้วก็ไม่มีใครช่วยเหลืออะไร

          มหาประสารไม่ยอมไปอ่านให้ตาบอดเปล่าๆ ผมบอกเอาอย่างนี้ไหม มหาประสารนี้เงินเดือน
          ๙๐ บาท เป็นชั้นจัตวา ผมจะไปขอคุณธนิตว่าให้มหาประสารขึ้นเป็นชั้นตรีภายใน ๑ ปี
          104
   101   102   103   104   105   106   107   108   109   110   111