Page 11 -
P. 11
โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ปีที่ 41 ฉบับที่ 2 5
4.หน้าที่ในกระบวนการนโยบายสาธารณะ (policy process) ซึ่งก็คือ บทบาทในกระบวนการ
กำหนดนโยบาย การนำนโยบายไปปฏิบัติ รวมทั้งในการประเมินนโยบายด้วย (ข้อสังเกตประการหนึ่งคือ
เรามักจะสนใจพิจารณาบทบาทของกลุ่มในกระบวนการกำหนดนโยบายเท่านั้น ไม่มีการกล่าวถึงหรือ
ศึกษาบทบาทในวงจรชีวิตนโยบายในมิติการนำนโยบายไปปฏิบัติและการประเมินนโยบาย ซึ่งจะกล่าวถึง
อีกครั้งในส่วนสถานภาพการศึกษาวิจัย) กลุ่มผลักดันทำหน้าในการเชื่อมต่อกับพรรคการเมืองและรัฐบาล
ในการป้อนข้อมูลต่อการตัดสินตกลงใจของรัฐบาลและผู้มีอำนาจในการตัดสินใจทางการเมือง และต่อ
กระบวนนโยบายสาธารณะขั้นตอนอื่นๆ
แต่อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตคือ งานเขียนหรือตำรากลุ่มกลุ่มผลประโยชน์ที่ปรากฏอยู่ในวง
วิชาการของไทยมักให้ความสนใจเฉพาะบทบาทหน้าที่ในด้านบวกและเหมารวมโดยอัตโนมัติว่า การมี
กลุ่มพลังทางสังคมการเมืองที่หลากหลายและเข้ามามีบทบาทในระบบการเมืองเป็นสิ่งที่ดีงามต่อการสร้าง
และจรรโลงประชาธิปไตยในตัวเอง แต่ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มฯก็มีบทบาทหน้าที่ในด้านลบต่อระบบ
การเมืองด้วย ปฏิบัติการของกลุ่มผลักดันบางครั้งใช้วิธีการที่ไม่มีความชอบธรรม เพิ่มความไม่เท่าเทียม
กันทางการเมืองก็ได้ ดังข้อสังเกตบางประการที่มีต่อไปนี้
1.กลุ่มมักใช้วิธีการสร้างอิทธิพลแบบหลังฉาก อยู่ในห้องลับๆ ไม่โปร่งใส ตรวจสอบยาก ไม่ที่
เป็นที่รับรู้ของผู้คนโดยทั่วไป ไม่มีใครรู้ว่าใครพูดกับใครด้วยเรื่องอะไร ซึ่งอาจเป็นอำนาจที่ขาดความ
รับผิดชอบ และการส่งเสริมให้เกิดคณาธิปไตยและการตัดสินใจแบบเผด็จการเสียงส่วนน้อยที่ผูกขาดโดย
บางกลุ่มคน เพราะโดยธรรมชาติแล้วกลุ่มผลประโยชน์เป็นตัวแทนของคนส่วนน้อยมากกว่าคนส่วนใหญ่
2.แม้ว่ากลุ่มผลประโยชน์จะสร้างหลักประกันไม่ให้เกิดเผด็จการอำนาจนิยม แต่อีกด้านหนึ่งก็
สร้างปัญหาในทางตรงกันข้ามเพราะกลุ่มมักสนใจแต่ผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มที่ไม่ครอบคลุมผลประโยชน์
ของคนในวงกว้างของสังคม ในสังคมที่กลุ่มผลักดันบางกลุ่มผูกขาดก็จะเป็นการยากที่จะทำให้รัฐบาล
ที่มาจากการเลือกตั้งตอบสนองต่อความต้องการของคนส่วนใหญ่
3.กลุ่มผลักดันแบบวงนอกที่ใช้วิธีการแบบกระทำการโดยตรงก็มักจะมีลักษณะที่ไม่ยอมรับต่อ
กฎหมาย กติกา หรือสถาบันที่ลงหลักปักฐานซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ล่อแหลมต่อการละเมิดกระบวนการของ
ประชาธิปไตย
4.การเมืองแบบกลุ่มอาจเกิดคำถามต่อความชอบธรรมของผู้นำกลุ่ม นักล็อบบี้ และความเป็น
ตัวแทนเนื่องจากไม่ได้ผ่านกระบวนการที่เป็นทางการ หรือแม้ได้มาจากการเลือกตั้งก็มาจากการลง
คะแนนเสียงของคนไม่มากนัก (เช่น ผู้นำสหภาพแรงงาน ฯลฯ) กลายเป็นว่ามีคนจำนวนไม่มากที่ทำงาน
อยู่ในการเมืองแบบวงในที่เรียกว่า “ประชาธิปไตยแบบวงใน” หรือประชาธิปไตยของคนวงใน
5.การเมืองแบบกลุ่มอาจจะยิ่งสร้างความไม่เท่าเทียมกันของคนในสังคม กลุ่มผลักดันมักจะ
เป็นกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่มีทรัพยากรมาก มีความเชี่ยวชาญและมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับรัฐบาลหรือ
พรรคการเมือง ไม่ได้มีลักษณะเป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่หรือเป็นเพียงตัวแทนปากเสียงของคนส่วน
น้อยเท่านั้น
กรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับปรากฏการณ์กลุ่มพลังทางสังคมการเมืองในปัจจุบัน โดยเฉพาะการ
รวมกลุ่มที่เรียกกันว่า “ประชาสังคม” หรือ “ภาคประชาชน” (หรือการเมืองภาคประชาชน) ซึ่งการปรากฏ