Page 8 -
P. 8
โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2 วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
ส่วนที่ทำให้เกิดการตกลงใจตัดสินใจทางการเมือง ทุกกลุ่มปรารถนาที่จะมีอำนาจทางการเมือง ดังนั้น
การแข่งขันกันเพื่อแสวงหาอำนาจทางการเมืองจึงปรากฏขึ้นอยู่เสมอภายใต้ระบบการเมือง ซึ่งหากกลุ่มใด
สามารถเข้าถึงอำนาจทางการเมืองก็จะส่งผลให้กลุ่มเข้ามามีบทบาทในกระบวนการกำหนดนโยบาย
สาธารณะของรัฐได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยนักวิชาการได้อธิบายที่มาหรือสาเหตุที่ทำให้เกิดการการรวมตัว
กันเป็นกลุ่มเกิดขึ้น การให้ความสำคัญกับกลุ่มผลประโยชน์ในการทำความเข้าใจกับการเมืองมีที่มาส่วน
หนึ่งจากทฤษฎี “การเมืองเป็นเรื่องของกลุ่ม” (group theory of politics) อาร์เธอร์เบนท์ลี (Arthur
Bentley) เป็นผู้ริเริ่ม โดยเสนอว่า กิจกรรมกลุ่มเป็นลักษณะที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ของระบบ
การเมืองไม่ว่าระบบการเมืองใด (Bentley, 1908 อ้างใน พฤฒิสาณ ชุมพล,ม.ร.ว., 2550) ดังนั้น ใน
แง่มุมการวิเคราะห์ดังกล่าวนี้ การศึกษาการเมืองจึงต้องไม่จำกัดอยู่แต่การวิเคราะห์การเมืองเชิง
โครงสร้างและสถาบันทางการเมือง แต่จะต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการของการที่กลุ่มพลังในสังคม
การเมืองเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับนโยบายหรือกติกาที่สถาบันทางการเมืองผลิตออกมา
นักคิดที่สำคัญของทฤษฎีกลุ่มผลประโยชน์อีกท่านหนึ่งคือ เดวิท ทรูแมน (David B. Truman)
ได้เสนอตัวแบบ “เสถียรภาพ-ความระส่ำระสาย-การประท้วง” (stability-disruptive-protest) (อ้างใน
พฤฒิสาณชุมพล,ม.ร.ว., 2550) โดยมองถึงพื้นฐานของการเกิดกลุ่มว่า สังคมเป็นระบบที่อยู่ในสภาพ
ดุลยภาพ (equilibrium) แต่บางครั้งดุลยภาพก็เสียไปเพราะนโยบายเปลี่ยนหรือมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ
ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อผลประโยชน์ของบางส่วนของสังคม ผู้คนในส่วนนั้นของสังคมจึง “ประท้วง”
โดยก่อตัวเป็นกลุ่มผลประโยชน์และมีการกระทำทางการเมืองขึ้นมา ผู้คนมารวมกลุ่มเพราะเกิดสำนึกว่ามี
ผลประโยชน์ร่วมกันและเห็นีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยกลุ่มเป็นเครื่องมือในการกระทำการทางการเมือง
เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนสถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาดังกล่าว
สมมติฐานสำคัญของ เดวิท ทรูแมน ก็คือ การมองว่า ปัจเจกบุคคลรู้อยู่แล้วว่าผลประโยชน์
ของเขาคืออะไรและปัจเจกบุคคลต้องรู้ว่ามีใครอื่นที่มีผลประโยชน์อย่างไร การก่อตั้งกลุ่มผลประโยชน์
และดำเนินกิจกรรมทางการเมือง หรือกล่าวอีกนัยคือ ผู้คนรวมตัวกันเป็นกลุ่มผลประโยชน์เพื่อให้ได้มา
ซึ่งผลประโยชน์โดยวิธีการทางการเมือง นัยทางทฤษฎีเช่นนี้จึงเป็นการโต้แย้งแนววิเคราะห์พฤติกรรมรวม
หมู่ที่ให้ความสำคัญกับมิติทางจิตวิทยา (ดูประภาส ปิ่นตบแต่ง, 2552 บทที่ 1 ) ซึ่งอธิบายการเกิดกลุ่มว่า
มาจากภาวะขับข้องใจ การถูกลิดรอนเชิงเปรียบเทียบ ฯลฯ มากกว่าจะเป็นมิติทางการเมืองหรือเป็นการ
คำนวณผลได้ผลเสีย การอาศัยกลุ่มเป็นเครื่องมือเพื่อรักษา ปกป้อง หรือต่อรองให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์
ของปัจเจกบุคคล
ต่อมาได้พัฒนาเป็นทฤษฎีประชาธิปไตยแบบพหุนิยมขึ้นมาจากทฤษฎีกลุ่ม ทฤษฎีพหุนิยมได้
เข้ามาเสริมทฤษฎีประชาธิปไตยแบบตัวแทน โดยชี้ให้เห็นความจำกัดของกิจกรรมทางการเมืองที่อาศัย
การมีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านกระบวนการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเป็นวาระเท่านั้น การรวมตัวเป็นกลุ่มผล
ประโยชน์เป็นการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่สำคัญที่ประชาชนจะผลักดันให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจทางการ
เมืองดำเนินการตามความต้องการของกลุ่มที่รวมตัวกัน อเล็กซิส เดอ ต็อกเกอวิลล์ (Alexis de
Tocqueville) กล่าวถึงประชาธิปไตยในอเมริกาว่า สิ่งที่ไม่พบเห็นในประเทศอื่นๆ ในโลกก็คือ การรวม
กันเป็นสมาคมหรือกลุ่มของผู้คนที่มีอย่างมากมาย เสรีภาพในการรวมกลุ่มเป็นสมาคมคือสิ่งจำเป็นและ