Page 16 -
P. 16
โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
10 วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
เมืองนอกเชิงสถาบันทุกรูปแบบเข้าไปอยู่ในประเภทวิธีการล็อบบี้แบบทางอ้อม เช่น อารยะขัดขืน
ปฏิบัติการซึ่งหน้าท้าทาย (direct action) นี่ก็เป็นสิ่งที่กรอบการวิเคราะห์การเมืองแบบกลุ่มผลประโยชน์
ได้ขยายไปครอบการอธิบายของกรอบการวิเคราะห์แนวทฤษฎีขบวนการทางสังคม แต่ในทัศนะของผู้
เขียน (ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว) มองว่า หากเราเข้าใจหัวใจของทฤษฎีขบวนการทางสังคมในลักษณะของการ
ขยายการวิเคราะห์ก็จะทำให้ไม่เกิดคำถามว่าทฤษฎีกลุ่มผลประโยชน์อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้แล้วจึง
ไม่จำเป็นต้องมีทฤษฎีขบวนการทางสังคม
ประการต่อมา ในการศึกษาการสร้างอิทธิพล ยังมีคำถามสำคัญในเชิงการหาความสัมพันธ์เชิง
เหตุ-ผลว่า เหตุใดหรือทำไมกลุ่มทางสังคมการเมืองบางกลุ่มสามารถสร้างอิทธิพล หรืออำนาจการต่อรอง
ได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ สามารถสร้างผลสำเร็จหรือผลสะเทือนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ หรือการ
เปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ
นักวิชาการได้วิเคราะห์ว่าการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มต่างๆ นั้น เงื่อนไข
และปัจจัยที่จะทำให้กลุ่มใดจะประสบความสำเร็จในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์แก่สมาชิกขึ้นอยู่
กับเงื่อนไขและปัจจัยบางประการ ดังเช่นงานของจุมพล หนิมพานิช ได้เสนอให้เห็นว่า ปัจจัยหรือ
องค์ประกอบที่เป็นเงื่อนไขต่อความสำเร็จในการต่อสู้แข่งขัน จากประสบการณ์ของกลุ่มผลประโยชน์และ
กลุ่มผลักดันในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นงานศึกษาของ อัสติน แรนเนย์ (Austin Ranney) และพบว่ามี
ปัจจัยที่สำคัญ 4 ประการคือ ขนาดของกลุ่ม สถานภาพทางสังคม ความสามัคคีของกลุ่ม และภาวะผู้นำ
หรือความเป็นผู้นำ (Ranney, (1972) อ้างใน จุมพล หนิมพานิช, 2552: 59-62)
รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ (2546) อธิบายกรอบการวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลและ
บทบาทอิทธิพลของกลุ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อกระบวนการกำหนดนโยบายไว้คล้ายคลึงกัน คือ
ขนาดของกลุ่ม สถานภาพทางสังคมผู้นำที่ชาญฉลาดและเข้มแข็ง (ซึ่งก็คือภาวะผู้นำหรือความเป็นผู้นำ)
และความชัดเจนของขอบข่ายผลประโยชน์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งงานของรังสรรค์ ธนะพรพันธ์ และจุมพล
หนิมพานิช เสนอให้พิจารณามิติปัจจัยด้านภายในองค์กร
อย่างไรก็ดี อัลเลน บอล (Ball, 1986) ได้เสนอให้พิจารณามิติด้านเงื่อนไขปัจจัยภายนอกกลุ่ม
หรือเงื่อนไขบริบทแวดล้อมด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมที่มีผลต่อการสร้างอิทธิพลหรือพลังการต่อ
รอง การเคลื่อนไหวของกลุ่ม อันได้แก่ ลักษณะการปกครอง ลักษณะของระบบพรรค และวัฒนธรรม
ทางการเมือง เขายังได้เสนอปัจจัยภายในด้านองค์กรหรือลักษณะภายในของกลุ่ม ได้แก่ เป้าประสงค์ของ
กลุ่ม (aims and objectives) การจัดองค์กรของกลุ่ม (organization) สมาชิกภาพ (membership)
และทรัพยากรของกลุ่ม (resources)
ผู้เขียนเห็นว่าในการตอบคำถามดังกล่าวนี้ ทฤษฎีการระดมทรัพยากรได้วิเคราะห์ขยายราย
ละเอียดมากยิ่งขึ้นในด้านปัจจัยภายในองค์กรและได้ให้ความสำคัญในการวิเคราะห์ให้เห็นปัจจัยด้าน
ยุทธวิธีการเคลื่อนไหวต่อสู้ (ดู McAdam, Doug. 1982 และ 1983) กระบวนการสร้างกรอบโครงความ
คิด (framing process) (ดู Snow and Benford, 2000) ฯลฯ ส่วนปัจจัยด้านบริบทของเศรษฐกิจ-
การเมือง และสังคม แม้จะมีงานเขียนของนักทฤษฎีกลุ่มผลประโยชน์ เช่น อัลเลน บอล ดังที่ได้พิจารณามา
แต่นักทฤษฎีการระดมทรัพยากรได้พัฒนาการวิเคราะห์ที่ละเอียดมากยิ่งขึ้นและเรียกว่า “โครงสร้าง