Page 242 -
P. 242

โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


                     วารสารมนุษยศาสตร์ ปีที่ 21 ฉบับที่ 1 (มกราคม-มิถุนายน 2557)   231

                Realism) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเพื่อหาลักษณะร่วมอันน าไปสู่การเสนอ
                ประเภทย่อยของวรรณกรรม หรือเป็นการจัดขอบเขตของวรรณกรรมแต่ละ
                ประเภทที่แยกย่อยออกไปให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น การวิเคราะห์วรรณกรรมแนว

                สัญลักษณ์  แนวเสียดสี และแนวทดลอง เป็นต้น

                       2.  การวิจัยสารคดี มีลักษณะเด่นที่ควรกล่าวถึงคือ การขยายขอบเขต
                การใช้ตัวบทออกเป็นประเภทต่างๆ มากขึ้น เช่น บทความในหนังสือพิมพ์ สารคดี
                ท่องเที่ยวหรือวรรณกรรมการเดินทาง บันทึกประจ าวัน บันทึกความทรงจ า อนุทิน
                และตัวบทที่มีลักษณะเป็น “เรื่องเล่าชีวิต” (life narrative) เช่น หนังสืองานศพ
                รูปแบบที่นิยมศึกษาคือชีวประวัติและอัตชีวประวัติ ที่เน้นให้เห็นการประเมิน

                ค่าตัวบทจากความส าเร็จหรือความยิ่งใหญ่ของบุคคล ต่อมาได้ขยายกรอบไปสู่
                การศึกษาวิเคราะห์อัตลักษณ์ของบุคคลในเรื่องเล่าของ “คนธรรมดา” รวมไปถึง
                กลุ่มคนชายขอบ ที่อาจถูกแบ่งแยกกีดกันจากสังคมกระแสหลักด้วยเส้นแบ่งต่างๆ
                                                     ่
                เช่น เพศสถานะ ชาติพันธุ์ ชนชั้น วัย ความเจ็บปวยและความพิการ มากกว่าจะ
                                                            ์
                ศึกษาความส าเร็จและความยิ่งใหญ่หรือคุณค่าทางวรรณศิลปดังแต่ก่อน

                       นักวิจัยทั้งสองให้ข้อสังเกตว่า งานเขียนของชนกลุ่มน้อยทางเพศเป็น

                ตัวบทที่น ามาวิจัยมากที่สุด และมีจ านวนงานวิจัยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะส าคัญเมื่อ
                เทียบกับการส ารวจงานวิจัยในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ การเพิ่มขึ้นของตัวบทและ
                งานวิจัยแนวนี้แสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงและความเคลื่อนไหวของคนในสังคม
                ที่มีทัศนคติต่อกลุ่มคนชายขอบในทิศทางที่สนใจและยอมรับมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
                นอกจากนี้ การวิจัยสารคดียังมีแนวทางการวิเคราะห์วาทกรรม คุณค่าด้านภาษา
                และความส าคัญที่มีต่อบริบททางสังคมอีกด้วย กล่าวได้ว่าการวิจัยกลุ่มนี้มี

                แนวโน้มจะขยายกรอบการเลือกใช้ตัวบทออกไปได้อีกมาก

                       3.  การวิจัยกวีนิพนธ์และบทเพลง นักวิจัยทั้งสองได้สรุปแนวทาง
                การศึกษากวีนิพนธ์ไว้ว่า การวิจัยกวีนิพนธ์มีลักษณะเด่นที่แสดง “ขนบ นวลักษณ์
                และการสืบสรรค์” โดยให้ค าจ ากัดความของค าทั้งสามไว้ว่า ขนบหรือขนบวรรณ
                   ์
                ศิลป (convention) หมายถึงแบบแผนและกลวิธีการประพันธ์เพื่อสร้างความงาม
   237   238   239   240   241   242   243   244   245   246   247