Page 125 -
P. 125
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
119
5. โรครากปม
ลักษณะอาการ :
ไส้เดือนฝอยเป็นสัตว์ขนาดเล็กประมาณเส้นใยฝ้าย เจริญอยู่ในดินที่มีความชุ่มชื้นบริเวณ
โคนต้น ส่วนใหญ่จะมีปริมาณในระดับผิวดินไม่เกิน 6 นิ้ว ไส้เดือนฝอยจะเข้าทําลายรากไชชอนเข้าไปใน
เนื้อและขับถ่ายนํ้าย่อยออกมา นํ้าย่อยดังกล่าวเป็นสารเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์และเนื้อเยื่อ ทําให้เซลล์
ของรากตรงส่วนนั้นเกิดการแบ่งตัวมีจํานวนเพิ่มมากขึ้น และบางเซลล์จะเจริญมีขนาดใหญ่กว่าปกติเป็น
หลายเท่า จึงทําให้เนื้อเยื่อของรากบริเวณนั้นมีลักษณะอาการบวมโป่งเป็นปมอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผ่านตรวจดู
ภายในตรงที่รากเป็นปมนั้นจะพบว่าภายในมีไส้เดือนฝอยเพศเมีย รูปร่างคล้ายถุงหรือนํ้าขนาดเท่าปลายเข็ม
หมุดใสสะท้อนแสง และอาจมีกลุ่มของไข่ของไส้เดือนฝอยวางอยู่บริเวณปากแผลนั้น จากผลของการที่
ไส้เดือนฝอยเข้าทําลายราก จึงมีผลให้รากนั้นไม่สามารถทําหน้าที่ดูดนํ้าแร่ธาตุอาหารได้ตามปกติ จึงทําให้
ใบเหลืองเหี่ยวไปผลิดอกออกผล
สาเหตุของโรคและการแพร่ระบาด :
เกิดจากไส้เดือนฝอยรากปม Meloidogyne incognita นํ้าเป็นพาหะที่สําคัญของการแพร่
ระบาด แต่อย่างไรก็ตามตัวไส้เดือนฝอยเองก็สามารถเคลื่อนที่ไปได้ ซึ่งจะเข้าทําลายรากใกล้เคียงได้อีก
การป้องกันและกําจัด :
เมื่อขุดพบว่ารากของมะละกอเป็นโรครากปมเกิดขึ้น ก็ควรคลุกดินโคนลําต้นด้วยสารเคมี
เช่น ฟูราดาน รักบี้ หรือไวเดท 15 กรัมต่อต้น
6. โรครากเน่า
ลักษณะอาการ :
เชื้อราสาเหตุจะเข้าทําลายรากให้เกิดมีลักษณะอาการเน่า เป็นสีนํ้าตาล โรคจะลุกลาม
ขึ้นมาสู่บริเวณเนื้อเยื่อโคนลําต้น เน่า มีลักษณะหยุ่น สีนํ้าตาล ฉํ่านํ้า แผลอาจลึกไม่จํากัด แต่อาจจะกว้าง
10-12 ซม. เป็นทางสูงขึ้นไป 20-25 ซม. ใบจะเหลืองและเหี่ยวห้อยลงมา แล้วหลุดร่วงลงสู่พื้นดิน ถ้าหากอยู่
ในระยะติดผลจะเหี่ยวย่นไม่สมบูรณ์และร่วงหล่นไป ที่โคนลําต้นจะเน่า รอบเปลือกของลําต้นแตก ฉีกขาด
และมีของเหลวสีนํ้าตาลไหลออกมา ต้นจะยืนตาย แต่ถ้ามีลมพัดจะทําให้ต้นโค่นล้มลงไป โดยทั่วไปโรคนี้
มักจะเกิดกับมะละกอที่ปลูกอยู่บนดินมีการระบายนํ้าไม่ดี ความชื้นมากเกินไป นับได้ว่าเป็นโรคที่ก่อความ
เสียหายมาก และเกิดแพร่ระบาดทําลายมะละกอที่ปลูกอยู่เป็นหย่อม ๆ ทั่วไป แต่เกิดแพร่ระบาดอย่าง
รวดเร็ว