Page 8 -
P. 8
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
8
แม้ว่าจะมีเกษตรกรเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ริเริ่มการทําเกษตรยั่งยืนบ้างแล้ว แต่จากผลการสํารวจ
กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่ยังไม่ได้เริ่มต้นในการทําการเกษตรยั่งยืนพบว่าครัวเรือนส่วนใหญ่ (ร้อยละ 90)
มีความสนใจในการทําการเกษตรยั่งยืนและเกษตรกรส่วนใหญ่มีความเข้าใจกับการเกษตรยั่งยืนขั้น
ระดับพื้นฐานเป็นอย่างดีแต่ยังมีข้อจํากัดและต้องการการสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆในการ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเกษตรเพื่อการพัฒนาไปสู่การเกษตรอย่างยั่งยืนโดยสามอันดับที่เกษตรกร
ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดในการเริ่มทําเกษตรยั่งยืนคือการหาตลาดรับซื้อผลผลิต (ร้อยละ 34.2)
รองลงมาคือเงินช่วยเหลือในช่วงแรกของการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทําเกษตรเคมีมาเป็นเกษตรยั่งยืน
(ร้อยละ 24.4)ซึ่งความต้องการการสนับสนุนทางการเงินนี้สอดคล้องกับลักษณะการดําเนินการของ
โครงการจ่ายค่าชดเชยสําหรับการบริการของระบบนิเวศ (Payment for Ecosystem Services: PES) นั่น
หมายความว่าหากมีนโยบายเกษตรในลักษณะนี้จะได้รับการตอบรับจากเกษตรกรรายย่อยเป็นอย่างดี
หากจะนํานโยบายการจ่ายเงินชดเชยเพื่อรักษาระบบนิเวศมาใช้ในประเทศไทยสามารถดําเนินการได้
หากมีงบประมาณสนับสนุนในจํานวนมากพอที่จะสร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การเกษตร นอกจากแรงจูงใจทางการเงินแล้วในการดําเนินการตามนโยบายการเกษตรยังอาจจะต้อง
พิจารณาครัวเรือนที่มีกรรมสิทธิการถือครองที่ดินอย่างสมบูรณ์ในการบริหารจัดการที่ดิน โดยงาน
Ostrom (2008) ได้ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางบวกของกรรมสิทธิ์ในที่ดินกับการอนุรักษ์ทรัพยากร
ในการดําเนินนโยบายที่ส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนทางการเกษตรนั้นหากจะดําเนินการให้เกิด
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลนั้นต้องพิจารณาทั้งห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) นอกจากการผลิตที่
ยั่งยืนแล้วต้องสามารถกระจายสินค้าและพัฒนาตลาดสินค้าเพื่อรองรับผลผลิตจากเกษตรยั่งยืนด้วย จาก
ผลการสํารวจจะเห็นได้ว่าเรื่องที่สําคัญที่สุดที่เกษตรกรรายย่อยต้องการการสนับสนุนไม่ใช่เรื่องเงินแต่
เป็นเรื่องการตลาด สําหรับโซ่การผลิตหากต้องการจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการผลิตต้องมิใช่แค่การ
อบรมให้ความรู้ที่ตื้นเขินแต่ควรจะเป็นองค์ความรู้ในเชิงลึกและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
สมัยใหม่ และควรเป็นการดําเนินการแบบองค์รวมในเชิงสหวิทยาการมิใช่แต่ละหน่วยงานต่างคนต่าง
คิดและต่างทําโดยการขาดการบูรณาการอย่างที่ทํามาในอดีต อีกทั้งจะต้องพิจารณาถึงบริบทของพื้นที่
และลักษณะเฉพาะของครัวเรือน ชุมชน อาทิ จํานวนแรงงานในภาคการเกษตรหรือทัศนคติต่อการทํา
การเกษตร เกษตรกรส่วนมากเห็นว่าการทําการเกษตรยั่งยืนต้องใช้ความอุตสาหะมีความยากลําบาก