Page 198 -
P. 198

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว





                       2)  การดําเนินงานในลักษณะของภาคเอกชน โดยผู้นํากลุ่มอาจจะเป็นเกษตรกรในพื้นที่ ในกรณีนี้

                          สมาชิกเกษตรกรในกลุ่มจะทําหน้าที่เพียงแค่ผลิตผลผลิตและส่งให้กับผู้นําหรือคนที่ทําหน้าที่
                          รวบรวมและขาย (อาจจะมีการแปรรูปด้วย) การรวมกลุ่มระหว่างเกษตรกรอาจจะเป็นไปใน

                          ลักษณะไม่เป็นทางการ คือเกษตรกรจะรู้ว่าตนเองจะต้องขายสินค้าให้กับใคร และกลุ่มก็มักจะมี

                          รูปแบบในการแบ่งปันผลประโยชน์คืนให้กับสมาชิก เช่น การให้เงินปันผล การรับซื้อสมาชิกใน
                          ราคาที่สูงกว่า หรือการขายปัจจัยการผลิตให้ในราคาที่ต่ํากว่า แม้ว่าในทางทฤษฎีแล้วกลุ่มใน

                          ลักษณะนี้จะเหมือนกับการมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อผลผลิตในพื้นที่ แต่ในทางปฏิบัติกลุ่มจะมี
                          ลักษณะการดําเนินงานคล้ายกับสหกรณ์มากกว่า กล่าวคือเกษตรกรรู้ชัดเจนว่าจะขายผลผลิต

                          อย่างไร และมีการแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับสมาชิกมากกว่าการขายผ่านพ่อค้า แต่มีความ

                          แตกต่างตรงที่คนที่เป็นผู้นําเป็นเหมือนภาคเอกชนทําหน้าที่ตัดสินใจและกําหนดทิศทางในการ
                          ผลิตและการขาย โดยส่วนใหญ่กลุ่มลักษณะนี้จะมีความเอื้อเฟื้อและแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับ

                          สมาชิกในกลุ่มมากว่าพ่อค้ารับซื้อแบบดั้งเดิม แต่น้อยกว่ากลุ่มในรูปของวิสาหกิจ แต่เกษตรกรก็
                          จะไม่ต้องกังวลกับการทําหน้าที่บริหารจัดการกลุ่มเลย เนื่องจากมีผู้นํามาบริหารจัดการการ

                          ดําเนินงานของกลุ่มโดยเฉพาะแทน (แบบที่ 2 ในรูปที่ 7.1)

                       ทั้งนี้ การช่วยเหลือจากองค์กรหรือหน่วยงานภายนอกในการจัดตั้งกลุ่มก็สามารถเกิดได้ในทั้ง 2
               รูปแบบ คือหน่วยงานอาจจะสนับสนุนให้ชาวบ้านจัดตั้งกลุ่มหรือสหกรณ์ซึ่งดําเนินงานกันเองโดยหน่วยงานแค่

               สนับสนุนองค์ความรู้และให้คําปรึกษา หรืออาจจะสนับสนุนบุคลากรและเข้ามาช่วยจัดการและดําเนินงานโดย

               ทําหน้าที่เหมือนผู้นําก็ได้ โดยให้สมาชิกเกษตรกรมีหน้าที่ผลิตตามที่วางแผนไว้อย่างเดียวโดยไม่ต้องมีส่วนร่วม
               ในการตัดสินใจหรือในด้านการบริหารจัดการกลุ่มมากนัก ทั้งนี้ การสนับสนุนช่วยเหลือจะต้องคํานึงถึงความ

               พร้อมของทั้งชุมชนและหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือว่าสามารถมีบทบาทในส่วนใดได้บ้าง (แบบที่ 3 ในรูปที่
               7.1)

































                                                           7-4
   193   194   195   196   197   198   199   200   201   202   203