Page 12 -
P. 12
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
11
ได้เพื่อความสะดวกในการปกครอง นอกจากนั้นต้องเป็นอิสระปราศจากการควบคุมของรัฐอื่น ๆ ใน
การที่จะดําเนินการบริหารหรือกําหนดนโยบาย
อย่างไรก็ตาม รัฐทุกรัฐจะมีรัฐบาลเป็นศูนย์รวมอํานาจและเป็นองค์กรที่ใช้อํานาจรัฐในการ
ทําหน้าที่หลัก 3 ด้าน คือ
1. การรักษาความมั่นคง
2. การดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยและการให้ความยุติธรรม
3. การให้สวัสดิการทางสังคม
รูปแบบของรัฐ
ระบอบการปกครอง
พฤทธิสาณ ชุมพล (2540) ได้สรุปรูปแบบการปกครองเอาไว้ 2 ระบอบใหญ่ ๆ คือ การ
ปกครองระบอบเผด็จการกับระบอบประชาธิปไตย ดังนี้
1. การปกครองระบอบเผด็จการ อํานาจในการสร้างและกําหนดนโยบาย มีลักษณะรวม
ศูนย์อยู่ที่บุคคล คณะทหาร ข้าราชการ หรือผู้นําพรรค มี 2 แบบย่อย ได้แก่
1) เผด็จการแบบอํานาจนิยม (Authoritarian) อํานาจการตัดสินใจอยู่ที่ผู้ปกครองเพียง
คนเดียว เช่น พระมหากษัตริย์
2) เผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ (Totalitarian) อํานาจอยู่ที่พรรคการเมืองพรรคเดียวหรือกลุ่ม
เดียว เช่น พรรคคอมมิวนิสต์ของจีน เกาหลีเหนือ สหภาพโซเวียตเดิม เผด็จการทหารในพม่า
2. การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทั้ง
การพูด การเขียน การร้องเรียน การชุมนุม ตลอดจนการได้รับความคุ้มครองในความยุติธรรมจากศาล
แบ่งออกเป็น 2 แบบย่อย ได้แก่
1) ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา (Parliamentary Democracies) ฝ่ายบริหารได้รับการ
เลือกให้ดํารงตําแหน่งจากฝ่ายรัฐสภา ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายรัฐสภามีส่วนร่วมในการกําหนดนโยบาย
โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารและมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น ไทย
หรืออาจมีประธานาธิบดีเป็นประมุข เช่น สิงคโปร์
2) ประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี (Democratic Presidential) ฝ่ายบริหารได้รับการ
เลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง มีอํานาจในการกําหนดนโยบาย เช่น สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์
อินโดนีเซีย