Page 97 -
P. 97

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี




               88                                                                            บทที่ 4





               รูปที่ 4.1  แสดงอิทธิพลของความดันหรือความเขมขนที่มีผลตอปฏิกิริยามูลฐานแบบโมเลกุลเดี่ยว
                        ในรูปความสัมพันธระหวางสวนกลับของคาคงที่อัตรา (1/k)  และสวนกลับความดัน


                        (1/p) เมื่อเสนประคือกราฟเสนตรงในสมการ (4.14) ตามกลไกลินดแมน-ฮินเชลวูด และ
                        เสนทึบคือเสนที่ไดจากการทดลองที่เบี่ยงเบนจากกลไกลินดแมน-ฮินเชลวูด  ณ  ความดัน

                        สูง


                                            -1
                                       1 / (k/s )
                                1.E+04



                                1.E+02


                                1.E+00                                   1/ (p/torr)

                                        0     1     10    100 1000 10000



                       เหตุที่ผลการทดลองเบี่ยงเบนจากกลไกลินดแมน-ฮินเชลวูด  แสดงวาจะตองมีการกระตุน

               จําเพาะของโมเลกุล (specific excitation of molecule) ที่สามารถเกิดปฏิกิริยาที่ใหผลิตภัณฑ (P) ได

               โดยที่การชนกันของโมเลกุลเพื่อนําไปสูสภาวะกระตุนในขั้นตอนแรกของกลไกดังสมการ (4.4)
               นั้น  พลังงานที่ไดรับจะมีการถายเทระหวางพันธะตางๆ  ในโมเลกุลและใชในการหมุนของโมเลกุล

                                                                     =
               นั้น แตปฏิกิริยาที่จะเกิดผลิตภัณฑได จะเกี่ยวของกับโมเลกุล A   ที่มีพันธะที่สําคัญและมีพลังงาน

               เพียงพอที่จะสลายพันธะนั้นในสภาวะกอกัมมันต (activated state) ดังนั้นกลไกลินดแมน-ฮินเชลวูด
               ในขั้นตอนมูลฐานแบบโมเลกุลเดี่ยวหรือขั้นตอนที่สองในสมการ (4.5)  นาจะปรับปรุงโดยผาน

               สภาวะกอกัมมันตนี้ ดังสมการตอไปนี้


                                                    ′ k               ′ ′ k
                                            A* ⎯→⎯  2       A     ⎯   2      P             (4.15)
                                                                   ⎯→
                                                              =

                    =
               เมื่อ A   คือ โมเลกุลอยูในสภาวะกระตุนจําเพาะหรือสภาวะกอกัมมันต

               และ  k′ ,  k ′′   คือ  คาคงที่อัตราในแตละขั้นตอนที่มีความแตกตางกัน  คาคงที่อัตรานี้ขึ้นกับจํานวน
                      2
                          2
               และความถี่ในการสั่นของแตละแบบ (vibrational mode) ซึ่งอธิบายโดยทฤษฎีไรซ-แรมสเพอเกอร-

               คาสเซล (Rice-Ramsperger-Kassel หรือ RRK Theory) และปรับปรุงโดยเพิ่มผลที่ไดจากการหมุน
   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101   102