Page 94 -
P. 94

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี




                       กลไกของปฏิกิริยามูลฐานของแกส                                                    85





                                                   C H        ⎯ →⎯       2 CH 3                   (4.1)
                                                     2 6
                                                   CH -NC     ⎯ →⎯       CH -CN                   (4.2)
                                                                            3
                                                      3

                              โดยทั่วไปปฏิกิริยามูลฐานแบบโมเลกุลเดี่ยวจึงเขียนในรูปการเปลี่ยนแปลงสารตั้งตน

                       (substrate, A) เปนผลิตภัณฑ (product, P) ดังสมการตอไปนี้


                                                       A      ⎯ →⎯       P                        (4.3)


                       กลไกของปฏิกิริยามูลฐานแบบโมเลกุลเดี่ยวที่ใชอธิบายเรียกวา   กลไกลินดแมน-ฮินเชลวูด
                       (Lindemann-Hinshelwood mechanism)  ซึ่งกลาววาโมเลกุลของสารตั้งตน (substrate, A)  รับ

                       พลังงานเพื่อเปลี่ยนเปนสภาวะกระตุนของการสั่น (excited state of vibration, A*) จากการชนกับ

                       โมเลกุลใดๆ ในระบบที่เรียกวาโมเลกุลที่สาม (third body, M) ซึ่งอาจเปนสารตั้งตน (A) แกสเฉื่อย
                       (inert gas)  หรือผลิตภัณฑ (products, P  และ/หรือ Q)  และในขั้นตอนแรกนี้เปนการชนแบบสอง

                       โมเลกุล (bimolecular collision) ดังสมการ (4.4) ตอจากนั้น A* จะเปลี่ยนเปน P ตามสมการ (4.5)

                       ซึ่งเปนขั้นตอนของปฏิกิริยามูลฐานแบบโมเลกุลเดี่ยวนั่นเอง   อยางไรก็ตามในขั้นตอนแรกของ
                       กลไกนี้อาจสูญเสียพลังงานโดยการชนกันแลวกลับไปเปนสารตั้งตน (หรือปฏิกิริยายอนกลับของ

                       ขั้นตอนแรกนั่นเอง) ดังกลไกตอไปนี้

                                                                  k
                                                   A  +  M        k 1    A*  +  M                 (4.4)

                                                                   -1
                                                         A*     ⎯⎯⎯ →  P ( + Q)                   (4.5)
                                                                  k
                                                                   2

                                                        d [P]
                       โดยมีกฎอัตราดังนี้                         =      k [A*]                   (4.6)
                                                                          2
                                                         dt

                       ในการหาความเขมขนของ A* ที่เปนสารมัธยันตร โดยใชระเบียบวิธีประมาณสภาวะคงตัว (steady-
                       state approximation method) และใชกฎอัตราดิฟเฟอเรนเชียลของการเปลี่ยนแปลงความเขมขนของ

                       A* ทําให

                                       d [A * ]
                                               =  k [A][M] – k [A*][M] – k [A*] ~ 0               (4.7)
                                                    1
                                                               -1
                                                                            2
                                         dt
   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99