Page 62 -
P. 62
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
41
จากการศึกษา สภาวการณ์ปัจจุบันในการผลิต การจัดการผลผลิต พริก ของเกษตรกรทั้งกลุ่มผู้ผลิต
พริกที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิต ( Q) ซึ่งผลิตตามระบบ GAP (กลุ่ม GAP) และกลุ่มเกษตรกรที่ผลิต
พริกแบบทั่วไป (กลุ่ม Non-GAP) ในการศึกษาเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างโดยสุ่มจาก กลุ่ม GAP จํานวน 64
ราย และกลุ่ม Non-GAP จํานวน 108 คน ผลการศึกษา ดังนี้
4.1.1 ข้อมูลทั่วไป
จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของเกษตรกรทั้งผู้ผลิตพริกในระบบ GAP และผู้ที่ไม่ได้ผลิตพริกใน
ระบบ GAP สัดส่วนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพริกในระบบ GAP ทั้ง 2 เพศ แตกต่างกันไม่มากนัก (ชาย ร้อยละ
46.9 หญิง ร้อยละ 53.1) ในกลุ่มของเกษตรกรผู้ไม่ได้ผลิตพริกในระบบ GAP เพศหญิงมีมากกว่าเพศชายถึง 3
เท่า (หญิง ร้อยละ 75.0 ชาย ร้อยละ 25.0) แม้ว่าเกษตรกรทั้ง 2 กลุ่ม จะมีอายุเฉลี่ยใกล้เคียงกัน (กลุ่ม GAP 51
ปี กลุ่ม Non-GAP 48 ปี) และอายุตํ่าสุดและสูงสุดใกล้เคียงกัน (18 ปี กับ 21 ปี และ 7 6 ปี กับ 73 ปี) แต่การ
กระจายของช่วงอายุของทั้ง 2 กลุ่ม มีความแตกต่างกัน เกษตรกรกลุ่ม GAP ส่วนใหญ่ (มากกว่า ร้อยละ 80) มี
อายุอยู่ในช่วง 41 -70 ปี ในขณะที่กลุ่ม Non-GAP (มากกว่าร้อยละ 80) มีอายุอยู่ในช่วง 31-60 ปี
เมื่อพิจารณาถึงระดับการศึกษา จะเห็นว่า เกษตรกรทั้งกลุ่ม GAP และกลุ่ม Non-GAP ส่วนใหญ่จบ
การศึกษาในระดับประถมศึกษา (ร้อยละ 75.0 และร้อยละ 91.6) แต่เกษตรกรกลุ่ม GAP มีผู้สําเร็จการศึกษาสูง
กว่าระดับประถมศึกษาในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่ม Non-GAP อย่างเห็นได้ชัด (ร้อยละ 14.1 และ ร้อยละ 3. 7) ซึ่ง
อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทําให้เกษตรกรยอมรับเทคโนโลยีการผลิตพริกในระบบ GAP ได้ง่ายกว่า
นอกเหนือจากการได้รับความรู้ในระบบการศึกษาแล้ว กลุ่มหรือเครือข่ายของเกษตรกรเป็นช่องทาง
หนึ่งที่มีความสําคัญอย่างยิ่งในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่างๆ รวมทั้งความรู้เทคโนโลยี ปัญหาและการ
แก้ปัญหาในการประกอบอาชีพของเกษตรกร เมื่อพิจารณาถึงการเป็นสมาชิกกลุ่ม จะเห็นว่าเกษตรกรทั้ง 2
กลุ่ม มีสัดส่วนของการเป็นสมาชิกกลุ่มแตกต่างกัน เกษตรกรกลุ่ม GAP ประมาณสองในสาม (ร้อยละ 65.6)
เป็นสมาชิกกกลุ่มอย่างน้อย 1 กลุ่ม ในขณะที่เกษตรกรกลุ่ม Non-GAP ประมาณครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 54. 6) เป็น
สมาชิกกลุ่มอย่างน้อย 1 กลุ่ม นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ของเกษตรกรกลุ่ม Non-GAP ที่เป็นสมาชิกกลุ่มมีสัดส่วน
การเป็นสมาชิกกลุ่มทางการเงิน (เช่น กองทุนหมู่บ้าน) สูงกว่ากลุ่ม GAP อย่างเห็นได้ชัด (ร้อยละ 79.7 เทียบ
กับ ร้อยละ 69.1) เป็นที่น่าสังเกตว่าเกษตรกรกลุ่ม GAP มีสัดส่วนการเป็นสมาชิกกลุ่มทางการเกษตร (เช่น
กลุ่มหน่อไม้ฝรั่ง) สูงกว่าเกษตรกรกลุ่ม Non-GAP เกือบเท่าตัว (ร้อยละ 16.7 และร้อยละ 8.5) ส่วนสัดส่วน
ของเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกลุ่มทั้งกลุ่มทางการเกษตรและกลุ่มทางการเงินของทั้งกลุ่ม GAP และกลุ่ม Non-
GAP มีค่าใกล้เคียงกัน (ร้อยละ 14.3 และร้อยละ 11.9) เป็นที่น่าสังเกตว่าในกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาทั้ง 2 กลุ่มไม่
มีการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพริกทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ (ตารางที่ 4-1)