Page 13 -
P. 13

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                                                                                                         (11)



                 แล้วที่จะช่วงชิงความได้เปรียบซึ่งกันและกัน ทุกภาคส่วนจะ ต้องมาร่วมมือกันก่อนจะสายเกินไปที่จะเดินไป

                 พร้อมๆ กันเพื่อแข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่น่ากลัว เช่น จีน  ซึ่งขณะนี้ GlobalG.A.P.  (EurepGAP  เดิม) ได้
                 รับรองการเทียบเคียงมาตรฐานของ  China Standard and Certification Rule (ChinaGAP) ในขั้นการรับรอง

                 แบบมีเงื่อนไข  (Provisionally  approved  standards)แล้ว(http://www2.globalgap.org/prov_app_stand.html,

                 2552) ในขณะที่มาตรฐานโดยภาคเอกชนของประเทศไทย (ThaiGAP) ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัครเข้ารับรอง
                 การเทียบเคียงมาตรฐานเท่านั้น ขณะนี้อยู่ในขั้น (Peer review)(http://www2.globalgap.org/applic_stand.html,

                 2552)


                        การเข้าสู่ระบบการผลิตพริกปลอดภัยทําให้เกิดต้นทุ นสองอย่าง ซึ่งไม่เคยมีภาคส่วนใดต้องแบก
                 รับภาระมาก่อน นั่นคือ ค่าตรวจสารเคมีตกค้างและค่าตรวจแปลง ปัจจุบันผู้ส่งออก/ผู้ประกอบการแบบ

                 รับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพื่อจูงใจให้เกษตรกรผลิตในระบบปลอดภัย แต่ในระยะยาวผู้ส่งออก/

                 ผู้ประกอบการจะยอมรับแบกรับภาระนี้ต่อไปหรือไม่ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ แนวทางหนึ่งซึ่งอาจจะเป็น

                 ทางออกของปัญหานี้ คือ การช่วยกันจ่าย โดยค่อยๆ ลดในส่วนผู้ส่งออก และไปเพิ่มในส่วนของกลุ่ม
                 เกษตรกร เช่น ปีแรก ผู้ส่งออกจ่าย 100% ปีที่ 2-5 ผู้ส่งออกจ่าย 90%, 80%, 70%, 60% และปีต่อๆ ไปสัดส่วน

                 จะเป็น 50:50 ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มเกษตรกรค่อยๆ ปรับตัวกับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ สําหรับค่าตรวจแปลงขณะนี้รัฐ

                 เป็นผู้แบกรับภาระ แต่อย่างไรก็ตาม หากจะส่งผลผลิตไปยังกลุ่มประเทศยุโรป จะต้องตรวจโดยใช้มาตรฐาน
                 ของ GlobalGAP ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งอาจทําให้เกษตรกรปฏิเสธที่ผลิต

                 ในระบบผลิตพริกปลอดภัย หลังจากที่ได้ยอมรับไปแล้วในตอนแรก เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระ

                 ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้

                        ยุทธศาสตร์การคัดเลือก รวมกลุ่ม และสร้างเครือข่ายเกษตรกรผู้มีศักยภาพในการปลูกพริกระบบ

                 ปลอดภัย

                  การดําเนินการที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ภาครัฐจําเป็นที่จะต้องเร่งตอบสนองนโยบายรัฐในเชิงปริมาณใน

                 การขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่ผลิตพริกในระบบ GAP โดยไม่ได้คํานึงถึงความพร้อมของบุคลากรและเกษตรกร

                 ในพื้นที่ ที่สําคัญยังไม่ได้มีการเชื่อมโยงระหว่างผู้ส่งออก ผู้ประกอบการหรือตลาดไว้ล่วงหน้า ตลอดจนไม่มี

                 การรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพริก เป็นเหตุให้เกษตรกรขาดแรงจูงใจในเรื่องราคา เนื่องจากผลผลิตที่ได้ก็ถูก
                 ส่งไปขายในตลาดเดียวกับพริกที่ปลูกทั่วไปในราคาที่ไม่แตกต่างกัน เกษตรกรจึงมองไม่เห็นว่ามีความจําเป็น

                 ที่จะต้องปรับเปลี่ยนระบบการผลิตให้ยุ่งยาก หรือมองไม่เห็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับการปลูกแบบเดิม

                  การรวมกลุ่มและสร้างเครือข่ายเกษตรกรผู้มีศักยภาพในการปลูกพริกปลอดภัยจึงมีความสําคัญเป็น

                 ลําดับแรก  เนื่องจากจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรสามารถให้ความรู้และติดตามการปฏิบัติเพื่อให้

                 คําแนะนําแก่กลุ่มเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ส่งออกสามารถตัดสินใจในการให้
                 ความช่วยเหลือเรื่องเงินลงทุนได้ง่ายกว่าที่จะให้แก่เกษตรกรแต่ละราย ตลอดจนการรวบรวมและควบคุม
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18