Page 251 -
P. 251

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



               เขียวระยะแรก ช่วงติดผลเขียวก่อนพริกสุกแดง และช่วงเก็บเกี่ยวระยะสุดท้าย สำหรับไนโตรเจนมีค่า 5.36 4.55 4.06
               และ 3.38 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ โพแทสเซียมมีค่า 5.04 3.91 3.58  และ 2.83 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ แมกนีเซียม 0.77
               0.72 0.61 และ 0.62 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ฟอสฟอรัสมีค่า 0.42 0.38 0.30 และ 0.22 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ขณะที่

               ปริมาณโดยเฉลี่ยของแคลเซียมในส่วนเหนือดินของพริก (ลำต้น+ใบ) มีค่าเพิ่มขึ้นตามระยะการเจริญเติบโตที่เพิ่มขึ้น
               เท่ากับ 1.79 1.62 2.03  และ 2.47 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ อาจเนื่องจากแคลเซียมช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์
               การแบ่งเซลล์ ความแข็งแรงของขั้วดอกและขั้วผล
                       อย่างไรก็ตาม พริกมีความเข้มข้นของธาตุอาหารไนโตรเจนและโพแทสเซียมในสัดส่วนที่สูงกว่าธาตุอาหาร
               แคลเซียม แมกนีเซียมและฟอสฟอรัสในทุกๆระยะการเจริญเติบโต ดังรายงานว่า หากไม่ใส่ไนโตรเจน โพแทสเซียมและ
               แคลเซียมจะทำให้ได้รับผลผลิตพริกต่ำกว่ากรรมวิธีไม่ใส่ปุ๋ย (วันเพ็ญ และคณะ, 2557) เพราะไนโตรเจนช่วยส่งเสริมการ
               เจริญเติบโตของพืช โพแทสเซียมมีบทบาทในการสังเคราะห์แสง เพิ่มพื้นที่ใบ การดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อิทธิพลร่วม
               ของไนโตรเจนและโพแทสเซียมมีผลต่อการเพิ่มผลผลิตและสารเผ็ดในพริก  โดยโพแทสเซียมกระตุ้นกิจกรรมของเอนไซม์
               Phenylalamin ammonium lyase (PAL) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างสารเผ็ด การเพิ่มความเข้มข้นของโพแทสเซียมจะทำ
               ให้กิจกรรมของ PAL เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการสร้างแคปไซซิน (ธรรมศักดิ์ และปิยะณัฏฐ์, 2561) เช่นเดียวกับไนโตรเจน
               (Medina-Lara et al., 2008)
               4.2 ความเข้มข้นธาตุอาหารในผลพริก
                      ความเข้มข้นของธาตุอาหารในผลพริกช่วงติดผลเขียวระยะแรก ช่วงติดผลเขียวก่อนพริกสุกแดง และช่วงเก็บ
               เกี่ยว มีปริมาณ N>K>Ca>P>Mg และลดลงตามระยะการเจริญเติบโตที่เพิ่มมากขึ้น โดยความเข้มข้นของธาตุอาหาร N K
               Ca Mg P โดยเฉลี่ยช่วงติดผลเขียวระยะแรก 3.29 2.91 0.56 0.48 0.13 ช่วงติดผลเขียวก่อนพริกสุกแดง 2.92 2.58

               0.52 0.43 0.12 และ ช่วงเก็บเกี่ยว 2.78 2.13 0.51 0.38 0.14 เปอร์เซ็นต์ N K Ca P และ Mg ตามลำดับ การเก็บ
               ผลผลิตพริกออกไปนอกแปลง ทำให้มีการเคลื่อนย้ายธาตุอาหารออกไปด้วย ปริมาณธาตุอาหารที่เหลือสะสมในดินและใน
               ต้นจึงลดต่ำลง ส่งผลให้ปริมาณความเข้มข้นธาตุอาหารในพริกลดลงตามระยะการเจริญเติบโตที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น หาก
               ปริมาณปุ๋ยไม่เพียงพอกับความต้องการธาตุอาหารของพืช อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตที่ได้รับหรือคุณภาพของ
               ผลผลิตได้ (ตารางที่ 5 และ ภาพที่ 2) พริกที่ให้ผลผลิตสูง ผลพริกมีสัดส่วนความเข้มข้นของ K:Ca เท่ากับ 40:1-50:1
               ส่วน Mg:Ca เท่ากับ 2:1 โดยในทุกระยะการเจริญเติบโต ผลพริกจะมีปริมาณของ Mg>Ca และ Mg ในผลมีปริมาณต่ำ
               กว่าในใบ (Bar-Tal et al., 2001)
                       จะเห็นว่าช่วงออกดอกและช่วงติดผลเขียว ต้นส่วนเหนือดินและผลพริกมีปริมาณความเข้มข้นของธาตุอาหารสูง
               กว่าในช่วงเก็บเกี่ยวระยะสุดท้าย ชี้ให้เห็นว่า พริกมีความต้องการธาตุอาหารสูงเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาผลเพราะหาก
               ขาดแคลนในช่วงนี้ย่อมทำให้ปริมาณผลผลิตลดลง การใส่ปุ๋ยให้เพียงพอตามระยะที่พริกต้องการสูงสุด จึงจะทำให้เพิ่ม
               ผลิตผลและคุณภาพของพริกได้ จากรายงานการใส่ปุ๋ย 24.0-19.0-9.6 กิโลกรัม N-P 2O 5-K 2O ต่อไร่ + FYM 6.4 ตันต่อไร่
               ทำให้ผลสดพริกหวานมีความเข้มข้นไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และ โพแทสเซียมเฉลี่ย 4.38 0.46 และ 3.55 เปอร์เซ็นต์
               ตามลำดับ พริกมีคลอโรฟิลล์เพิ่มสูงขึ้นทำให้การสังเคราะห์แสงเพิ่มขึ้น จึงส่งเสริมการดูดใช้ไนโตรเจนและธาตุอาหารอื่นๆ
               ได้ดียิ่งขึ้น (Malik et al., 2011) สำหรับพริก Pepper มีความเข้มข้นของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และ โพแทสเซียมสูงสุด

               ในใบ รองลงมาคือ ผลและลำต้น ขณะที่แคลเซียมและแมกนีเซียมมีปริมาณสูงสุดในใบ รองลงมาในลำต้นและผล
               (Hedge, 1997)








                                                          243
   246   247   248   249   250   251   252   253   254   255   256