Page 253 -
P. 253
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ของความต้องการในระยะออกดอก อาจเนื่องจากธาตุอาหารถูกนำไปใช้ในการพัฒนาผล จึงทำให้ความเข้มข้นของธาตุ
อาหารดังกล่าวในส่วนเหนือดินลดต่ำลง ซึ่งผลที่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับความต้องการไนโตรเจน ฟอสฟอรัส
โพแทสเซียม แคลเซียม และ แมกนีเซียมในช่วงเก็บเกี่ยว เมื่อเปรียบเทียบปริมาณธาตุอาหารในระยะเจริญต่างๆของพริก
จะเห็นว่า พริกระยะเก็บเกี่ยว (105 DAT) ต้องการธาตุอาหารต่างๆมากกว่าพริกช่วงออกดอก (45 DAT) และช่วงติดผล
เขียวในทั้ง 2 ช่วง (55 และ 65 DAT) จากรายงาน พริกในช่วง 30, 60, 90 และ 105 DAT ดูดใช้ธาตุอาหารมีปริมาณ 5,
30-40, 75-80 และ 90 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ โดย 40 เปอร์เซ็นต์ของการดูดใช้ อยู่ในช่วง 30 DAT และ ระหว่าง 60-90
DAT (Hedge, 1997) อย่างไรก็ตาม จากรายงานการผลิตพริกชี้ฟ้าและพริกหยวกน้ำหนักสด 1,000 กิโลกรัม ต้นพริกดูด
ดึงธาตุอาหาร 3.0-3.5 กิโลกรัมN 0.8-1.0 กิโลกรัมP และ 5.0-6.0 กิโลกรัมK โดยในส่วนของผลมีปริมาณไนโตรเจน
ทั้งหมด 45-60 เปอร์เซ็นต์N ฟอสฟอรัสทั้งหมด 50-60 เปอร์เซ็นต์P และโพแทสเซียมทั้งหมด 55-75 เปอร์เซ็นต์K โดย
ความต้องการไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมมากที่สุดในช่วงประมาณ 10 วันหลังติดดอก ถึงระยะ 30-33 วันหลัง
ติดดอก
7.ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการใช้ปุ๋ยในการผลิตพริก
เมื่อพิจารณาผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ โดยใช้อัตราส่วนระหว่างรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ปุ๋ยต่อรายจ่ายจาก
การใช้ปุ๋ย หรือ ค่า Value to Cost Ratio (VCR) ในปี 2560 และ ปี 2562 พบว่า การใช้ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 10 กิโลกรัม
N ต่อไร่ ร่วมกับปุ๋ยฟอสเฟตและปุ๋ยโพแทช อัตรา 10 และ 12 กิโลกรัม P 2O 5 และ K 2O ต่อไร่ ตามลำดับ ได้ผลผลิตเพิ่ม
808 กิโลกรัมต่อไร่ เป็นผลให้ ค่า VCR สูงสุด เท่ากับ 24 ดังนั้น ในการผลิตพริกขี้หนูผลใหญ่ที่ปลูกในพื้นที่ภาคตะวันตก
ที่มีปริมาณอินทรียวัตถุเฉลี่ย 2.0 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดิน 13 มิลลิกรัม P ต่อดิน 1 กิโลกรัม
และปริมาณโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ 115 มิลลิกรัม K ต่อดิน 1 กิโลกรัม ให้ใส่ปุ๋ย 10-10-12 กิโลกรัม N-P 2O 5-K 2O
ต่อไร่ ร่วมกับปุ๋ยมูลวัวอัตรา 1,000 กิโลกรัมโดยน้ำหนักแห้งต่อไร่ ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนเพราะให้ผลตอบแทนในค่า
VCR สูงสุด (ตารางที่ 7)
8. ผลวิเคราะห์ดินหลังปลูก
ผลของการจัดการปุ๋ยตามกรรมวิธีต่างๆไม่มีผลทำให้ความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของดิน ปริมาณอินทรียวัตถุ และ
โพแทสเซียมในดินหลังการเก็บเกี่ยวพริกแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิต โดยมีค่าอยู่ในช่วง 6.0-6.9 และ 2.04-
2.31 เปอร์เซ็นต์ สำหรับปริมาณโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดิน ที่ได้รับการใส่ปุ๋ย 20-20-24 กิโลกรัม N-P 2O 5-K 2O
ต่อไร่ มีแนวโน้มสูงสุดเท่ากับ 282 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แต่ใกล้เคียงกับการใส่ปุ๋ย 10-5-24 10-10-12 และ 10-10-24
กิโลกรัม N-P 2O 5-K 2Oต่อไร่ ซึ่งมีค่า 206-228 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม การจัดการปุ๋ยมีผลทำให้ปริมาณ
ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดินแตกต่างกัน กรรมวิธีปุ๋ย 10-10-24 กิโลกรัม N-P 2O 5-K 2Oต่อไร่ มีผลทำให้ปริมาณ
ฟอสฟอรัสในดิน (23 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) สูงสุด ส่วนกรรมวิธีอื่นๆให้ปริมาณฟอสฟอรัสในดินอยู่ในช่วง 11-16 มิลลิกรัม
ต่อกิโลกรัม (ตารางที่ 7)
ภาพที่ 3 ปริมาณธาตุอาหารในระยะเจริญเติบโตต่างๆของพริก
245