Page 84 -
P. 84

โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


           78     วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์


                                                      1
                    การที่ผู้สูงอายุมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
           โดยประชากรวัยแรงงานจะต้องรับภาระในการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น  รายได้เฉลี่ยของประชากรจะลดลง
           และจะส่งผลถึงรายได้จากเงินภาษีอากรของรัฐจะลดลงด้วย  โดยรัฐจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นในการดูแลเกี่ยว
           กับผู้สูงอายุ เช่น ด้านสุขภาพ การประกันสังคม สวัสดิการต่างๆเพื่อผู้สูงอายุ เป็นต้น แต่ยังคงพบว่ามีผู้
           สูงอายุส่วนหนึ่งยังคงทำงานเชิงเศรษฐกิจอยู่ หรือเรียกว่า “กิจกรรมในตลาด (market activities)” จาก

           งานวิจัยของ  Royal  Voluntary  Service  (2011)  ได้ทำการประเมินมูลค่าเชิงเศรษฐกิจผ่านการทำ
           กิจกรรมของผู้สูงอายุในประเทศอังกฤษ  และเมื่อเปรียบเทียบต้นทุนค่าใช้จ่ายของผู้สูงอายุกับมูลค่าที่ผู้
           สูงอายุให้แก่สังคมแล้วพบว่า  ผู้สูงอายุเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับซึ่งสอดคล้องกับงานในประเทศนิวซีแลนด์ที่

           แสดงให้เห็นถึงมูลค่าเชิงเศรษฐกิจจากการทำกิจกรรมในตลาดของผู้สูงอายุประเทศนิวซีแลนด์  โดย
           แสดงออกมาในรูปของภาษีรายได้ที่ได้จากการทำงานที่ผู้สูงอายุจ่ายให้แก่รัฐ โดยในปี ค.ศ. 2010 มูลค่า
           รวมของภาษีรายได้ที่ผู้สูงอายุจ่ายแก่รัฐเป็น 14.69 พันล้านปอนด์ในอังกฤษ และ 0.21 พันล้านดอลลาร์
           นิวซีแลนด์ในนิวซีแลนด์มีการคาดประมาณไปอีก 20-40 ปีข้างหน้า แสดงให้เห็นถึงมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นเกิน
           เท่าตัวที่ได้จากการทำงานและจ่ายภาษีเข้ารัฐของผู้สูงอายุในประเทศอังกฤษและนิวซีแลนด์  โดยคาด

           การณ์ว่าในปี ค.ศ. 2030 มูลค่าที่ได้จากภาษีรายได้ของผู้สูงอายุในอังกฤษคิดเป็น 31.27 พันล้านปอนด์
           และในปี ค.ศ. 2051 มูลค่าที่ได้จากภาษีรายได้ของผู้สูงอายุในนิวซีแลนด์คิดเป็น 1.22 พันล้านดอลลาร์
           นิวซีแลนด์ (Ministry of Social Development, 2011)

                    เมื่อพิจารณาในอีกแง่มุมจะพบว่า  ผู้สูงอายุเป็นเสมือนผู้อยู่เบื้องหลังให้ประชากรวัยแรงงาน
           สามารถทำงานเชิงเศรษฐกิจได้ในรูปแบบของการช่วยเหลือด้านการทำงานบ้าน  หรือช่วยดูแลเด็ก
           นอกจากนี้ยังแสดงออกในแง่งานบริการต่อชุมชนและสังคม ทำงานอาสาสมัคร จิตอาสาและการช่วยเหลือ
           ผู้อื่นซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อสังคมอย่างมหาศาล  เพียงแต่งานเหล่านี้ไม่มีการประเมินมูลค่าออกมาเป็นตัว
           เงิน โดยกิจกรรมเหล่านี้เรียกว่า “กิจกรรมนอกตลาด (non–market activities)” โดยพิจารณากิจกรรม

           ในลักษณะนี้ได้เป็น  2  ระดับ  ได้แก่  1)  ระดับในครัวเรือน  เช่น  การทำงานบ้าน  ทำอาหาร  ดูแลหลาน
           เป็นต้น และ2) ระดับนอกครัวเรือน เช่น กิจกรรมเพื่อผู้อื่น อาสาสมัคร บริการชุมชน เป็นต้น
                    จากรายงานขององค์กรอิสระระหว่างประเทศที่ทำงานร่วมกันในประเทศแถบยุโรปซึ่งได้จัดทำ

           รายงานที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการทำงานอาสาสมัครในรูปแบบต่างๆ  ที่มีต่อตัวผู้สูงอายุเอง  โดย
           สนับสนุนให้เป็นผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ  (active  ageing)  คือมีสุขภาพดี  มีความเป็นอิสระในชีวิตประจำ
           วันและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์แก่สังคมคือ ผลผลิตจากงานอาสาสมัครที่
           ผู้สูงอายุทำนั้นมีผลทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น  ซึ่งพบว่าในแต่ละประเทศของยุโรปด้วยกันเองก็จะมีความ
           แตกต่างกันทั้งในรูปแบบของประเภทงานอาสาสมัครและสัดส่วนของผู้สูงอายุที่ทำงานอาสาสมัคร  โดยผู้

           สูงอายุในประเทศไอซ์แลนด์มีสัดส่วนในการทำงานอาสาสมัครสูงสุด  (66%)  รองลงมาคือประเทศ
           เนเธอร์แลนด์  (50%)  และต่ำสุดคือประเทศโปรตุเกส  (6%)  สำหรับสิ่งที่คล้ายกันของแต่ละประเทศใน

           1   ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าประเทศไทยเริ่มเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุในปี พ.ศ. 2548 (มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป
              ร้อยละ  10.5)  โดยสังคมผู้สูงอายุ  (Aging  Society)  หมายถึงประเทศที่มีประชากรอายุ  60  ปีขึ้นไปเกินร้อยละ  10  ของ
              ประชากรทั้งประเทศหรืออายุ 65 ปีขึ้นไปเกินร้อยละ 7
   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89