Page 85 -
P. 85
โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ปีที่ 41 ฉบับที่ 2 79
ยุโรปคือ ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่ใช้เวลาในการทำงานอาสาสมัครสูงกว่ากลุ่มอายุอื่นๆ (Volonteurope, 2012)
งานของ Royal Voluntary Service (2011) ได้ทำการประเมินมูลค่าเชิงเศรษฐกิจของกิจกรรมนอก
ตลาด (non-market activity) ของผู้สูงอายุในประเทศอังกฤษปี ค.ศ. 2010 พบว่ามูลค่าการทำงาน
อาสาสมัคร การบริจาคเพื่อการกุศล การมอบมรดกให้การกุศลการดูแลเด็ก การออมเพื่อหลานและการ
ถ่ายโอนทรัพย์สินให้คนในครอบครัว รวมแล้วสูงถึง 20.69 พันล้านปอนด์ และจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 30.08
พันล้านปอนด์ในอีก 20 ปีข้างหน้าเช่นเดียวกันกับกระทรวงพัฒนาสังคมของประเทศนิวซีแลนด์ก็ได้
ประเมินมูลค่าของงานที่ไม่ได้รับค่าจ้างและงานอาสาสมัครของผู้สูงอายุ พบว่า ในปี ค.ศ. 2011 มีมูลค่า
สูงถึง 5.97 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ และเพิ่มเป็น 23.06 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ในปี ค.ศ. 2051
แนวโน้มมูลค่าของกิจกรรมเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้นในทุกกิจกรรม นั่นแสดงให้เห็นว่าผู้สูงอายุนั้นเป็นส่วนหนึ่ง
ในการทำให้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศดีขึ้น (Ministry of Social Development, 2011)
สำหรับในระดับครัวเรือน นอกเหนือจากในยุโรปที่แสดงให้เห็นมูลค่าของการดูแลเด็ก การ
ออมเพื่อหลาน และการถ่ายโอนทรัพย์สินให้คนในครอบครัวดังที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดคือใน
สังคมเอเชียผู้สูงอายุจะมีรูปแบบการให้ความช่วยเหลือในด้านของการทำงานบ้านและดูแลเด็กให้แก่ลูก
หลานของตน โดยเฉพาะในประเทศจีนสิงคโปร์และไต้หวัน ที่คู่สามีภรรยาทำงานทั้งคู่ยังนิยมให้ปู่ย่าตา
ยายเป็นผู้ช่วยเลี้ยงดูลูกของตนเองในระหว่างวันโดยต่างก็มีรูปแบบแตกต่างกันไป ประเทศสิงคโปร์เป็น
ประเทศที่มีพื้นที่แคบ คนหนุ่มสาวเมื่อแต่งงานแล้วส่วนใหญ่ยังอาศัยอยู่ร่วมกับพ่อแม่ของตนจึงไม่แปลก
ที่พ่อแม่เหล่านี้จะมีส่วนร่วมในการดูแลหลานในขณะที่ผู้สูงอายุในไต้หวัน (ผู้สูงอายุจำนวนมากอาศัยอยู่
กับลูก โดยเฉพาะผู้สูงอายุเพศหญิงกว่า 80% อาศัยอยู่กับลูก) มองว่าหน้าที่ในการดูแลเลี้ยงหลานและ
การทำงานบ้านเป็นหน้าที่ที่พวกตนควรกระทำเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระลูกของตน อันเป็นผลมาจากระบบ
บำนาญของประเทศนี้ยังไม่ทั่วถึง ดังนั้น ผู้สูงอายุกลุ่มที่ไม่ได้รับบำนาญก็จะได้รับการเกื้อหนุนจากลูก
ของตน จึงทำหน้าที่เหล่านี้ให้ รวมถึงประเทศจีนที่มีปู่ย่าตายายจำนวนไม่น้อยที่ดูแลหลานระหว่างวัน ถึง
แม้จะเป็นสังคมเอเชียเช่นเดียวกันแต่สำหรับเรื่องการดูแลหลานและการทำงานบ้านของผู้สูงอายุใน
ประเทศญี่ปุ่นนั้นกลับพบว่า ผู้สูงอายุในญี่ปุ่นมองว่าการดูแลหลานนั้นไม่ใช่หน้าที่ของตนเป็นเพียงทาง
เลือกที่จะทำหรือไม่ทำ ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากประเทศนี้มีระบบบำนาญที่ทั่วถึง ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ได้
รับแหล่งเกื้อหนุนหลักจากภาครัฐไม่ใช่ลูกของตน จึงไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ต้องช่วยเหลือกันมากนัก
(เอะมิโกะ โอะชิอะ อิ และ คะโยะโกะ อุเอะโนะ, 2554)
ผู้สูงอายุในประเทศไทยเองก็ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศโดยทำงานหลากหลายประเภท
ไม่ว่าจะมีค่าจ้างหรือไม่ก็ตาม จากรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย ปี พ.ศ 2551 (สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์,
2552) ผู้สูงอายุยังคงทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคม ได้แก่ เป็นที่ปรึกษาตามหน่วยงานต่างๆ รวมตัวทำ
กิจกรรมเพื่อสังคม เป็นราชบัณฑิตที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เป็นอาสาสมัครทำงานเพื่อ
สังคม เช่น ทนายอาสา อาสาสมัครทำงานในโรงพยาบาล เป็นวุฒิอาสาธนาคารสมอง ทำหน้าที่เป็นที่
ปรึกษาให้แก่องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้พิพากษาสมทบและกรรมการการเลือกตั้ง (รวม
ประมาณ 198,606 คน) นอกจากนี้ผู้สูงอายุยังมีคุณค่าโดยเป็นผู้ทรงภูมิปัญญา มีความรู้ความชำนาญมี
ประสบการณ์สูง ทำหน้าที่ถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ให้แก่คนรุ่นหลังในชุมชน ได้แก่ เป็นวิทยากร ครู