Page 67 -
P. 67

โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


                                                         วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์   ปีที่ 41 ฉบับที่ 2   61



                                                   บทนำ


                      การทำกิจกรรมเพื่อสังคมของเยาวชนหรือคนรุ่นใหม่ในสังคมไทยมีพัฒนาการจากการจัด
             ค่ายอาสาพัฒนาในชนบท  ซึ่งการจัดค่ายอาสาพัฒนาในยุคแรกเป็นค่ายอาสาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นและได้
             ขยายมาสู่การทำกิจกรรมค่ายอาสาในมหาวิทยาลัยต่างๆ  โดยมีรูปแบบการจัดกิจกรรมที่เน้นพัฒนาระบบ
             สาธารณูปโภคพื้นฐานของชุมชน  ทั้งการขุดบ่อน้ำ  ปรับผิวถนน  การสร้างศาลาประชาคม  สร้างโรงเรียน

             ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้นักศึกษาได้ทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน  ไปพร้อมๆกับการทำความเข้าใจ
             สถานการณ์ในชุมชนและสังคมไทยขณะนั้น (ละออ พลายน้ำงาม, 2518: 6-18) หลังพ.ศ. 2500 ความ
             คึกคักของการทำกิจกรรมเพื่อสังคมของเยาวชนยังคงอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่  โดยมีกิจกรรม

             ที่หลากหลายไม่เฉพาะการทำกิจกรรมค่ายอาสาพัฒนาเท่านั้น  ยังมีการจัดเวทีเสวนาเพื่อพูดคุย
             สถานการณ์ปัญหาสังคม  วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล  โดยนำเสนอผ่านหนังสือที่ผลิตขึ้นมาเอง
             ซึ่งมีเนื้อหาเพื่อเผยแพร่ความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์การเมืองยุคเผด็จการ กระจายไปทั่วทุกมหาวิทยาลัย
             ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค  (ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย,  2556)  การทำกิจกรรมเพื่อ
             สังคมของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้จึงเข้มข้นไปด้วยการตั้งคำถามกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคม

                      โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์  14  ตุลาคม  2516  ซึ่งนับว่าเป็นยุคประชาธิปไตยกำลังเบ่งบาน
             เยาวชน  นักศึกษา  มีความสนใจปัญหาสังคมเพิ่มมากขึ้น  เกิดการจัดตั้งองค์กรต่างๆทั้งส่วนกลางและ
             ภูมิภาค เช่น ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาภาคใต้ ศูนย์นิสิตนักศึกษาโคราช เป็นต้น โดยมีศูนย์กลางนิสิตนัก

             ศึกษาแห่งประเทศไทยเป็นแกนนำหลัก  นักศึกษาเข้าร่วมช่วยเหลือกลุ่มกรรมกรชาวนา  กลุ่มแรงงาน  มี
             เวทีพูดคุย วิเคราะห์ปัญหาทางสังคมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเข้าร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนจนของนักศึกษา
             และเยาวชน  ได้สร้างความหวาดวิตกให้กับรัฐโดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงในยุคเผด็จการ  จึงเกิดการสร้าง
             กระแสสังคมเพื่อทำลายภาพพจน์ของนักศึกษาว่าเป็นกลุ่มที่สร้างความวุ่นวายในสังคม  เป็นพวกยุยง
             ประชาชนให้เกิดการประท้วง  หรือรับเงินต่างชาติเพื่อสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง  จนนำมาสู่การสังหาร

             หมู่นักศึกษาประชาชนในวันที่  6  ตุลาคม  2519  (สงวน  นิตยารัมภ์พงศ์,  2547:  22-62)  ส่งผลให้
             ประชาธิปไตยที่กำลังเบ่งบานในช่วงเวลานั้นกลับเข้าสู่ระบอบเผด็จการอีกครั้ง
                      เมื่อการทำกิจกรรมเพื่อสังคมของนักศึกษาและเยาวชนในช่วงเวลาดังกล่าวถูกจับจ้องจากฝ่าย

             ความมั่นคง  ทำให้การขับเคลื่อนกิจกรรมทำได้ค่อนข้างยาก  ในช่วงนี้การทำงานเพื่อสังคมจึงกลายเป็น
             บทบาทขององค์กรพัฒนาเอกชน  (Non-Government  Organizations)  (จตุรงค์  บุณยรัตนสุนทร,
             2542)  ส่วนนักศึกษาและเยาวชนได้กลับไปให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมค่ายอาสาพัฒนาที่ได้รับการ
             สนับสนุนจากมหาวิทยาลัยเท่านั้น
                      ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าการดำเนินนโยบายพัฒนาประเทศได้ทำให้เยาวชนมี

             โอกาสทางการศึกษามากขึ้น แต่ไม่ได้เอื้อให้เกิดการรวมกลุ่มทำงานเพื่อสังคมของเยาวชนเช่นในอดีต อีก
             ทั้งยังส่งผลให้เด็ก  เยาวชน  เป็นเพียงกลุ่มเป้าหมายของการผลิตสินค้าในตลาดการบริโภค  เยาวชนถูก
             เลี้ยงให้เติบโตขึ้นมาอย่างอ่อนแอ  ไม่สู้งาน  สับสนในชีวิต  ไม่รู้จักคุณค่าตนเอง  และมองประโยชน์ของ

             ตนเองเป็นที่ตั้ง (สมพงษ์ จิตระดับ, 2547: 12-13) มีงานวิจัยบางชิ้นได้แสดงให้เห็นว่าสถาบันครอบครัว
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72